Page 21 - นาวิกศาสตร์ เดือน กรกฎาคม ๒๕๕๔
P. 21
๏ อ่าวสัตหีบ
ึ
่
ี
่
ั
่
ื
่
้
้
็
ั
วายงไมถงเวลาทจะใชเปนฐานทพเรอและไมอยากให และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรง
โจทย์กันว่น จึงได้กล่าวไว้ว่าจะต้องการท่ไว้ทำวังสำหรับ พระราชทานให้เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๕
ุ
ี
ู
ื
เผ่อจะมีผ้ขอจับจองฝ่ายเทศาภิบาลจะได้ตอบไม่อนุญาต ซึ่งในเวลาต่อมา ราษฎรได้มีการร้องเรียนว่า ได้รับ
โดยอ้างเหตุว่า พระเจ้าอย่หัวต้องพระราชประสงค ความเดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยและที่ทำกินเนื่องจาก
ู
์
ี
เม่อบัดน้ทหารเรือจะต้องการท่น้นก็ยินดีอนุญาตให อยู่ในที่สงวนหวงห้ามของกองทัพเรือ และคณะกรรมการ
ั
ื
ี
้
(สั่งไปทางมหาดไทยด้วย) ราม ร. ” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กฤษฎีกา ได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๓๘
ทหารเรือก็ได้ใช้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ และ สรุปได้ว่า
ี
ได้พัฒนาให้เจริญขึ้นเป็นลำดับ จนกระทั่งเป็นที่ตั้งของ “การครอบครองท่ดินในเขตทรงสงวนเป็นการครอบครอง
ี
ฐานทัพเรือสัตหีบ กองเรือยุทธการ หน่วยบัญชาการ ท่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชโองการ ฯ
ี
ู
นาวิกโยธิน หน่วยต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง และ ท่กำหนดให้กระทรวงทหารเรือเป็นผ้มีอำนาจอนุญาตให้ราษฎร
หน่วยทหารเรืออื่น ๆ เป็นจำนวนมาก เข้าไปครอบครอง ในเขตทรงสงวน”
เป็นอันว่าที่ตั้งของหน่วยทหารเรือที่สัตหีบ จึงได้ ดังนั้น จึงเป็นที่ปรากฏแน่ชัดว่า พระบาทสมเด็จ
บังเกิดขึ้น โดยแบ่งเขตที่ดินทั้งหมดเป็น ๒ ตอน คือ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นผู้สงวนหวงห้าม และ
ตอนที่ ๑ ส่วนที่ดิน เรียกว่าที่พระราชทาน ซึ่งเป็น พระราชทานที่ดินพื้นที่อำเภอสัตหีบ ให้แก่กองทัพเรือ
เอกสิทธิ์ขาดของทหารเรือ เพื่อใช้เป็นที่ตั้งฐานทัพเรือ โดยมีสิทธิสมบูรณ์ส่วนหนึ่ง
ตอนที่ ๒ ไม่หวงห้าม แต่ไม่อนุญาตให้ชาวต่าง และอีกส่วนหนึ่งสงวนหวงห้ามไว้ให้คนไทยเข้ามาจับจอง
ประเทศมาจับจองหรือรับซื้อไปได้ และให้กระทรวงทหารเรือ ทำไร่นา โดยให้อำนาจแก่กองทัพเรือเป็นผู้มีอำนาจอนุญาต
มีอำนาจอนุญาตแก่ผู้ที่จับจองทำไร่นาและถากถางได้ อันจะทำให้กองทัพเรือสามารถพัฒนากำลังรบทางเรือใน
ตามพอสมควร ซึ่งไม่เกินขีดขั้น พระราชบัญญัติการตัดไม้ การปกป้องอธิปไตยของชาติ ดังเช่นปัจจุบัน สำหรับประชาชน
๐18 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔

