Page 27 - หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ประถม
P. 27
18
ี่
ตามหลักศาสนาของตน แต่ต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าทของปวงชนชาวไทย ไม่เป็นอันตรายต่อ
ความปลอดภัยของรัฐ และไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน”
เสรีภาพการนับถือศาสนาใน
ประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะมีการปกครองรูปแบบใด
ก็ให้ความส าคัญแก่เสรีภาพในการนับถือศาสนา
ของประชาชน โดยยึดหลักการพื้นฐานดังต่อไปนี้
1. เสรีภาพในการนับถือศาสนา
เป็นสิทธิตามธรรมชาติ จะล่วงละเมิดมิได้ และ
เป็นสิทธิของมนุษย์ทุกคน ต้องให้การรับรองและ
คุ้มครอง
วัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
2. เสรีภาพในการนับถือศาสนา (ที่มาภาพ : หนังสือ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย”
ไม่มีใครจะใช้เสรีภาพอยู่เหนือผู้อื่น ทกคนมีสิทธิ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม)
ุ
และหน้าที่เท่าเทียมกัน รัฐจะต้องท าหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของสังคมโดยรวม
เนื่องจากเรื่องสิทธิและเสรีภาพในการนับถือศาสนาเป็นสิ่งทมีความส าคัญ
ี่
ต่อสังคม การจัดระเบียบความเรียบร้อยของประชาชน และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จึงเป็น
สิ่งส าคัญทรัฐจะช่วยให้เกิดความเข้าใจกันระหว่างศาสนาต่าง ๆ หากไม่ได้รับความสนใจจาก
ี่
ภาครัฐแล้ว ปัญหาดังกล่าวอาจท าให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างศาสนาขึ้นได้
พระมหากษัตริย์กับการให้เสรีภาพทางศาสนา
ตลอดสมัยสุโขทย อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์
ั
ั่
พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ตลอดจนประชาชนทวไป ได้ร่วมมือกันทานุบ ารุงพระพุทธศาสนา
ุ
ให้เจริญรุ่งเรืองเป็นล าดับมา ถึงแม้ว่าพระมหากษัตริย์จะทรงเป็นพุทธมามกะ แต่แทบทก
พระองค์ก็มิได้ทรงกีดกันศาสนาอื่นเลย ทรงมีน้ าพระทยกว้างขวาง อุปถัมภ์ศาสนาอื่น
ั
ในฐานะที่ทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกตามสมควร ดังเช่น
์
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ มีการน าความเจริญมาให้กรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้
ี่
ู
พระราชทานทดินให้สร้างวัดทางคริสตศาสนา ในปี พ.ศ. 2224 และได้จัดคณะทตเดินทางไป
ฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ท 14 เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี และเมื่อปี พ.ศ. 2228 เชอวาเลียร์
ี่
ู
เดอ โชมองต์ เป็นหัวหน้าคณะทต ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ทลขอให้ทรงเข้ารีต
ู
ี่
ี
แต่พระองค์ทรงปฏิเสธด้วยพระปรชาสามารถว่า “การทผู้ใดจะนับถือศาสนาใดนั้น ย่อมแล้วแต่

