Page 320 - PowerPoint Presentation
P. 320

หนาวที่ไม่ต้องการให้อุณหภูมิการเผาไหม้เย็นเท่าไหร่ และในรถแข่งขันระยะสั้นที่ใช้วิธีเอาน ้าเย็นหรือน ้าแข็ง

                   เติมลงไปในอินเตอร์คูลเลอร์เลย

                                2. แบบระบายความร้อนด้วยอากาศ คืออาศัยอากาศที่ผ่านมาปะทะตัวอินเตอร์เพื่อระบายความร้อน
                   เหมาะกับเมืองร้อนที่ต้องการอุณหภูมิต ่า

                          การติดตั้ง

                          แบบระบายความร้อนด้วยน ้าส่วนใหญ่แล้วจะติดตั้งติดกับตัวเครื่องยนต์ และติดตั้งหม้อหล่อเย็นไว้
                   ด้านหน้ารถเพื่อใช้อากาศระบายความร้อน แบบนี้มีผลดีเพราะท่อไอดีมีขนาดสั้นบูชจะมาไวลดอาการเทอร์โบ

                   แร็ค แบบระบายความร้อนด้วยอากาศส่วนใหญ่แล้วจะติดตั้งด้านหน้ารถหรือติดกับเครื่องยนต์ แล้วเจาะฝา

                   กระโปรงรถให้เกิดช่องรับลม แบบนี้ไม่ต้องดูแลมากเหมาะกับเมืองร้อน ต้องติดตั้งให้อากาศสามารถมาปะทะได้

                   ง่ายมีสิ่งกีดขวางน้อยที่สุด และต้องไม่ไปกีดขวางการระบายความร้อนของหม้อน ้าและรังผึ้งแอร์ จนท าให้ความ
                   ร้อนเครื่องยนต์เพิ่มสูงขึ้น และแบบที่ติดตั้งบนฝากระโปรงส่วนใหญ่จะมีช่องดักอากาศ (SCOOP) แบบนี้มีผลดี

                   เพราะติดตั้งง่ายท่อไอดีสั้นบูชมาไว แต่การติดตั้งต้องค านึงถึงรูปแบบอากาศพลศาสตร์ของรถแต่ละรุ่นด้วยเพราะ

                   รถส่วนใหญ่แล้วจะออกแบบให้อากาศที่ชนฝากระโปรงหน้าขึ้นข้ามหลังคาไป เลย เพื่อลดฝุ่น หิน ดิน และแมลง
                   มาชนกระจกหน้ารถ มีโอกาสที่ลมจะไม่เข้า

                   7.9 การตรวจการหมุนของใบล้ออัดอากาศ

                          7.9.1  การตรวจการหมุนของใบล้ออัดอากาศ
                                การตรวจการหมุนของใบพัดล้ออัดอากาศสามารถปฏิบัติดังต่อไปนี้

                                1. ถอดท่อดูดอากาศเข้าเครื่องเทอร์โบชาร์จ

                                2. หมุนใบพัดล้ออัดอากาศด้วยมือ ใบล้ออัดอากาศจะต้องได้โดยเรียบเรียงสม ่าเสมอ ไม่ติดขัด ถ้า

                   ใบล้ออัดอากาศติดขัด ไม่หมุนหรือหมุนไม่เรียบ ควรท าการเปลี่ยนใหม่
                          7.9.2  การตรวจระยะรุนของเพลาใบล้อกังหัน

                                การตรวจระยะรุนเพลาใบล้อกังหันสามารถปฏิบัติได้ดังนี้

                                1. ใช้ไดอัลเกจวัดที่เพลาด้านใบล้อกังหัน

                                2. ดันใบล้ออัดอากาศให้เคลื่อนที่ขึ้น-ลง และอ่านค่าระยะรุนของเพลาใบล้อกังหัน (ค่าระยะรุน
                   ของเพลาใบล้อกังหัน 0.13 มิลลิเมตร หรือ 0.0051 นิ้ว)

                          7.9.3  การตรวจระยะการหลวมของเพลาใบล้อกังหัน

                                การตรวจระยะการหลวมของเพลาใบล้อกังหันสามารถปฏิบัติได้ดังนี้
                                1. สอดแกนวัดของไดอัลเกจเข้าที่กึ่งกลางเพลาทางช่องน ้ามันหล่อลื่นออก

                                2. โยกเพลาใบล้อกังหันขึ้น-ลงเพื่อวัดระยะการหลวมของเพลากับแบริ่ง(ค่าระยะการหลวม 0.18

                   มม.)
   315   316   317   318   319   320   321   322   323   324   325