Page 37 - 02 รายงานวิชาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
P. 37

- 15 -




                           2.3.3 สภาพพืชพรรณและการใชที่ดิน (vegetation and land use)


                                                                                            ้
                                                                                            ื
                                                         ิ
                                                                                     ี
                              พืชพรรณและสิงปกคลุมดินมีอทธิพลตอการเปลียนแปลงพ้นท่ เชน พนท่เกษตรกรรม
                                                                                  ื
                                                                         ่
                                                                                               ี
                                            ่
                                                    ี
                                                   ี
                             ี
                                                ื
                           ่
                                                                                 ื
                       ่
                    ้
                    ื
                                                                                    ี
                   พนทีปาทีมความหนาแนนมาก พ้นท่ท่มพืชพรรณหนาแนนปานกลาง พ้นท่ทมีพืชพรรณปกคลุมนอย
                                                                                     ่
                                                                                     ี
                                                     ี
                                 ่
                                                                                         ื
                                                                                      ุ
                           ่
                        ้
                   และพืนทีทีไมมสิงปกคลุม (Anbalagan, 1992) เนื่องจากพืชชวยทำใหดินรวนซย เม่อฝนตกลงมาน้ำฝน
                            ่
                                ี
                              
                                          
                         ึ
                                                                                       ิ
                   แทรกซมและไหลผานลงสูดินชั้นลางไดดี นอกจากนี้รากพืชยังชวยยึดอนุภาคดนไมใหแตกหลุด และ
                   เลือนไหลไดงาย คณะทรัพยากรธรรมชาต มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร (2540) ไดรายงานการศกษา
                                                       ิ
                                                                                                      ึ
                             
                                                                                          
                     ่
                                                                                                  ิ
                   สภาพดนถลมบริเวณไหลเขาของเทอกเขาหลวงในจังหวัดนครศรีธรรมราช พบวาบริเวณท่เกดดินถลม
                                                                                                ี
                          ิ
                                                 ื
                   สวนใหญเปนบริเวณลาดไหลเขาที่มการถางปาเพื่อปลูกยางพารา ซงมระบบรากฝอย ขาดรากแกวยึดเกาะ
                                                                          ึ
                                                                            ี
                                                                          ่
                                                ี
                                                                       ึ
                                   ี
                   ชั้นดินเปนปจจัยท่สงเสริมใหเกิดการขาดเสถียรภาพงายขน เมอมการกระตุนดวยปริมาณน้ำฝน
                                                                   
                                                                       ้
                                                                            ่
                                                                            ื
                                                                               ี
                   (วรวุฒิ ตันติวนิช, 2535) แมวาบางแหงมีความลาดชันไมมากนัก แตรอยแผลทเกิดดินถลมจะเปดกวาง
                                                                                      ่
                                                                                      ี
                                     ึ
                                        ี
                                                                    ิ
                                     ่
                                                                                                      ิ
                              ี
                   สวนบริเวณท่เปนปาซงมสภาพคอนขางสมบูรณมีการเกิดดนถลมบาง แตรอยแผลของการถลมจะเกดใน
                                                                                              ิ
                          ่
                          ี
                   บริเวณทมีความลาดชันสูง นอกจากนี้อตราการแทรกซึมของน้ำยังเปนปจจัยเสริมในการเกดดนถลม เชน
                                                    ั
                                                                                                 ิ
                   บริเวณปาผลัดใบ(deciduous forest) อัตราการแทรกซึมของน้ำมีคามากกวา 1,270 มลลิเมตรตอชัวโมง
                                                                                                      ่
                                                                                           ิ
                                                                      
                                                                        ่
                                                              ิ
                   สวนปาสน (Pine forest) มีคาระหวาง 36-1,270 มลลิเมตรตอชัวโมง (Hornbeck and Reinhart, 1964)
                                                                                                     ้
                   ยังพบวาในดนชันฮวมสหรือโอ อัตราการแทรกซึมของน้ำมคาสูงถง 5,994 มลลิเมตรตอชัวโมง ดินชันเอม ี
                                                                                  ิ
                                   ิ
                                ้
                                     ั
                                                                                            ่
                                                                     
                                                                                          
                              ิ
                                                                         ึ
                                                                   ี
                   คาระหวาง 1,600-3,353 มิลลิเมตรตอชั่วโมง และดินชั้นบี (B horizon) มีคาระหวาง 230-432 มลลิเมตร
                                                                                                   ิ
                   ตอชั่วโมง (Trimble and others, 1951)
                                                           ื
                                                              ี่
                                                                                                        ั
                              กรณีศึกษาในประเทศไทยบริเวณพนทปาตนน้ำภาคเหนือ ซงเปนปาดิบเขาก็พบเชนเดียวกน
                                                                               ึ่
                                                           ้
                                                                                           ื้
                                                                                    ี
                            
                                                                                        ั
                   วาแทบไมมน้ำไหลบาบนผิวหนาดนเลย (นิวัต เรืองพานิช, 2513) เปรียบเทยบกบพนทรางปรากฏวา
                                                          ิ
                             ี
                                                ิ
                                                                                              ี่
                                                       ื
                                                              ิ
                   ปริมาณน้ำไหลบาบนผิวหนาดินมีมากกวาพ้นท่ปาดบเขาถง 2 เทา (นิพนธ และคณะ, 2516) โดยภายใต 
                                                          ี
                                                                   ึ
                                                                                         ั
                                                                                                        ื
                             ่
                                            ิ
                   สภาพปาทีปกคลุมดวยเนื้อดนปนทรายหรือเนือดนเหนียวท่ปกคลุมไปดวยฮวมส และเศษซากพช
                                                                                       ิ
                                                               ิ
                                                                        ี
                                                            ้
                   จะมอัตราการแทรกซึมน้ำไมแตกตางกันมากนัก โดยใหเหตุผลวาชองวางของดินในระดับความลึกประมาณ
                       ี
                   60 เซนตเมตร จากผิวดนแทบจะไมแตกตางกัน Hoover (1950) หมายความวาบริเวณพนท่ลุมน้ำทีมี
                           ิ
                                                                                                   
                                       ิ
                                                                                               ้
                                                  
                                                                                                        ่
                                                                                                  ี
                                                                                               ื
                                                     ิ
                                                                                     ิ
                   ปาไมปกคลุมจะไมมน้ำไหลบาบนผิวหนาดน น้ำในลำธารทเห็นเปนน้ำทไหลผานดนลาง (subsurface flow)
                                  
                       
                                                                             ี
                                                                             ่
                                   ี
                                                                  ี
                                                                  ่
                           ี่
                   เทานั้นทลงสูลำธาร (นิวัต เรืองพานิช, 2513; Hoover and Hursh, 1943; Hewlett and Hibbert,
                     
                                          ิ
                                               ้
                                                                                             ื
                                                                           
                                                                                               ู
                                                                                                        ิ
                                               ั
                                                                                           ี
                                                                                           ่
                   1967; Tsukamoto, 1966) อกทงประเภทของปายังพบความแตกตางของปริมาณน้ำทพชดดซบไวในดน
                                                                                                  ั
                                            ี
                   เชน ปาดบแลง ปาดบเขา ปาดบชื้น ปาเบญจพรรณผสมไมสัก และปาเตงรัง มคาประมาณรอยละ 30, 9,
                                                                                    ี
                                                                                     
                                    ิ
                                                                    
                                                                               ็
                                             ิ
                           ิ
                                                                         ้
                                                                                                ู
                                                             ั
                   19, 39, และรอยละ 62 ของปริมาณฝน ตามลำดบ จะเห็นวาพนท่ปาดิบเขามน้ำทถกพืชดดซบไวนอย
                                                                                         ี
                                                                         ื
                                                                                         ่
                                                                                     ี
                                                                                          ู
                                                                            ี
                                                                                                  ั
                                 ี
                          ่
                                                                                     ้
                                                         ี
                                                  ั
                    ี
                   ทสุด เนืองจากมลักษณะของใบเปนมนและมขนาดเล็กเปนสวนใหญ นอกจากนีสภาพของบรรยากาศยัง
                    ่
                   เต็มไปดวยเมฆหมอกและมคาความชื้นสัมพัทธสูงในขณะทปาชนิดอ่น ๆ มีน้ำท่ถูกพืชดูดซับไวประมาณ
                                                                    ่
                                                                    ี
                                                                            ื
                                                                                     ี
                                          ี
                         ึ
                   40% ถง 60% (Tangtham, 1999)
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42