Page 298 - E-book การประชุมวิชาการครั้งที่ 36
P. 298
ี่
ี
การใช้การตรวจคลื่นเสยงความถสูงดอพเลอร์พบว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในการยืนยันการวินิจฉัยภาวะ
placenta accreta ลักษณะของคลื่นเสียงความถี่สูงดอพเลอร์ที่ผิดปกติได้แก่ diffuse or focal intraplacental
lacuna flow, vascular lake with turbulent flow, hypervascular of serosa-bladder interface และ
prominent subplacental venous complex (12-14) (รูปที่ 3 และ 4 )
ี่
ิ
รูปท 4 การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูงดอพเลอร์ทางช่องคลอดแสดงลักษณะหลอดเลือดที่ผดปกติระหว่างรกและ
กล้ามเนื้อมดลูกด้านหลัง
ในปี ค.ศ. 2013 D' Antonio F และคณะ ได้ทำการศึกษาแบบ meta-analysis รวบรวม 23 การศึกษาท ี่
้
ื่
ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงตรวจวินิจฉัยภาวะ placenta accreta พบว่าการใช้ลักษณะที่ไดจากการตรวจด้วยคลนเสยง
ี
ความถี่สูงดังกล่าวข้างต้นพบความไวร้อยละ 90.72 (95% CI 87.2-93.6) ความจำเพาะร้อยละ 96.94 (95% CI
96.3-97.5) positive likelihood ratio 11.01 (6.1-20) negative likelihood ratio 0.16 (0.11-0.23) และ
diagnostic odds ratio เท่ากับ 98.59 (48.8-199) (ตารางที่ 1) นอกจากนี้การตรวจคลื่นเสียงความถสูงดอพเลอร์
ี่
ที่พบลักษณะที่ผิดปกติเป็นการวินิจฉัยภาวะ placenta accreta ที่ดีที่สุด นอกจากนี้มีการศึกษาถึงการตรวจ
(11)
ู
คลื่นเสียงความถี่สูงในไตรมาสแรกในการวินิจฉัยภาวะ placenta accreta พบว่าลักษณะของคลื่นเสียงความถี่สงท ี่
สงสัยภาวะนี้ในไตรมาสแรกคือ การตรวจพบถุงการตั้งครรภ์อยู่ที่ตำแหน่งส่วนล่างของมดลูก (lower segment)
แทนที่จะเป็นบริเวณยอดมดลูก (fundus) และถุงการตั้งครรภ์อยู่ติดกับบริเวณแผลผ่าตัดที่ตัวมดลูก (15-16)
การตรวจวินิจฉัยภาวะ placenta accreta ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง 282

