Page 299 - E-book การประชุมวิชาการครั้งที่ 36
P. 299
ตารางที่ 1 แสดงการเปรียบเทียบลักษณะความผิดปกติจากการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงในการวินิจฉัยภาวะ
(11)
placenta accreta
Studies Patients Sensitivity Specificity LR+ LR- DOR
Diagnostic method (n) (n) (95% CI) (%) (95% CI) (%) (95% CI) (95% CI) (95% CI)
Ultrasound (overall) 90.72 96.94 11.01 0.16 98.59
23 3,707
(87.2-93.6) (96.3-97.5) (6.1-20.0) (0.11-0.23) (48.8-199.0)
Placental lacunae 77.43 95.02 4.52 0.29 24.32
13 2,725
(70.9-83.1) (94.1-95.8) (2.5-8.1) (0.20-0.43) (9.13-64.8)
Loss of hypoechoic 10 2,633 66.24 95.76 5.64 0.38 21.98
space (58.3-73.6) (94.9-96.5) (2.3-14.1) (0.20-0.69) (6.8-70.6)
Abnormalities of 49.66 99.75 30.56 0.51 93.70
uterus- bladder 9 2,579 (41.4-58.0) (99.5-99.9) (8.1-115.5) (0.34-0.77) (35.5-247.5)
interface
Colour Doppler 12 714 90.74 87.68 7.77 0.17 69.02
abnormalities (85.2-94.7) (84.6-90.4) (3.3-18.4) (0.10-0.29) (22.8-208.9)
้
นอกจากการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงแล้วการตรวจดวยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (magnetic resonance
imaging, MRI) มีบทบาทเช่นกันในการวินิจฉัยภาวะ placenta accreta โดยลักษณะที่ตรวจพบได้แก่
heterogenous signal intensity within placenta, presence of intraplacental bands on T2W imaging
และ abnormal placental vascularity MRI จะเป็นประโยชน์ในสองกรณีได้แก่ กรณีที่รกเกาะทางด้านหลงของ
ั
มดลูก เนื่องจากไม่มีกระเพาะปัสสาวะที่ช่วยแสดง placenta-myometrium interface และกรณีที่ต้องการบอก
ความลึกของ myometrium หรือ parametrium invasion (17-18) แต่ในทางปฏิบัติ MRI ยังพบปัญหาของค่าใช้จาย
่
ช่วงเวลาของการตรวจ และประสบการณ์ของรังสีแพทย์ ทำให้การตรวจด้วย MRI ยังมีข้อจำกัดและยังพบว่ามี
(19)
วินิจฉัยผิดถึงหนึ่งในสาม ดังนั้นการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงจึงมีประโยชน์มากสำหรับสูติแพทย์ในการ
วินิจฉัยภาวะ placenta accreta
การตรวจวินิจฉัยภาวะ placenta accreta ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง 283

