Page 37 - พันธะเคมี
P. 37

37


                                                                                             ื้
                                                                             2
                       ในท านองเดียวกัน โครงแบบอิเล็กตรอนของอะตอม Be คือ 1s  2s  ดังนั้นในสถานะพน Be ไม่อาจ
                                                                          2
                                                                                                     2
                                                                                                  2
                                                   ี
               เกิดสารประกอบโคเวเลนซ์ได้ เนื่องจากไม่มอิเล็กตรอนเดี่ยว และโครงแบบอิเล็กตรอนของ B เป็น 1s  2s
               2p  ดังนั้นควรเกิดพันธะได้เพียง 1 พันธะเท่านั้น (ตารางที่ 17) แต่ความจริงพบว่า Be และ B สามารถเกิด
                   1
                  x
               พันธะโคเวเลนซ์ได้เป็นโมเลกุล BeCl  และ BF  ได้
                                             2
                                                     3
               ตารางที่ 17 แสดงจ านวนอิเล็กตรอนเดี่ยวในสถานะพื้นเทียบกับเวเลนซ์อิเล็กตรอนของ Be, B และ C












                       ดังนั้น ตามทฤษฎีพันธะเวเลนซ์ของการเกดโมเลกุล CH , BeCl  และ BF  ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง
                                                         ิ
                                                                    4
                                                                                  3
                                                                          2
               บางอย่างขึ้นภายระหว่างออร์บิทัลเชิงอะตอมของอะตอม C, Be และ B ก่อนการเกิดพันธะโคเวเลนซ์
               ไฮบริไดเซชันของออร์บิทัล


                       ในการเกิดพันธะ อะตอมแต่ละอะตอมต้องการให้มีอิเล็กตรอนเดี่ยวในออร์บิทัลให้มากที่สุด เพื่อให้

               ออร์บิทัลเชิงอะตอมซ้อนทับกนมากที่สุด พันธะที่เกิดขึ้นจะแข็งแรงและมความเสถียรสูง การปรับเปลี่ยนออร์
                                                                           ี
                                        ั
               บิทัลเชิงอะตอมให้สามารถเกิดพันธะได้อย่างเสถียร เรียกออร์บิทัลเชิงอะตอมที่เกิดขึ้นหลังการปรับเปลี่ยนว่า
               ไฮบริดออร์บิทัล (hybrid orbital) หรือออร์บิทัลลูกผสม โดยมีกระบวนการผสมออร์บิทัลที่ระดับพลังงาน

               ใกล้เคียงกัน เรียกว่าไฮบริไดเซชัน (hybridization) โดยออร์บิทัลในไฮบริดออร์บิทัลจะมีรูปร่างเหมือนกันและ

               มีพลังงานเท่ากัน (เสมือนอยู่ในระดับพลังงานเดียวกัน) จ านวนออร์บิทัลที่ได้จะมีจ านวนเท่ากับจ านวนออร์

                                                                                      ั
                                                  ่
               บิทัลเดิมที่น ามาผสมกัน โดยการผสมนั้นไมได้เกี่ยวข้องกับอิเล็กตรอนแต่เป็นการผสมกนระหว่างออร์บิทัล
               เท่านั้นในการผสมระหว่างออร์บิทัล -s กับออร์บิทัล -p เรียกชื่อไฮบริดออร์บิทัลโดยแสดงจ านวนและชนิดของ
               ออร์บิทัลที่มาผสมกัน ดังตารางที่ 18


               ตารางที่ 18 ไฮบริไดเซชันของออร์บิทัล -s กับออร์บิทัล –p




















                                                                       เคมี 1 พันธะเคมี โดยนายวัชรินทร์ เลาะหะนะ
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42