Page 53 - combine ต.ค.64 (2)_Neat
P. 53
ื
เม่อหันกลับมาดูอุปนิสัยทหารเรือไทย ต่อปัจจัย จันทวิรัช ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ เป็นผู้บังคับการ
ึ
ั
ข้าศึกอยู่ไหน? จะเห็นได้จากการส่งต่อเรือฟริเกตมกุฎ หมู่เรือฝึก (มฝ.นนร) เวลาฝึก ๔๐ วัน ซ่งเรือประแส
ี
�
ึ
ุ
ราชกมารจากอังกฤษท่ข้นประจาการในเดือนพฤษภาคม เป็นเรือธง เม่อเสร็จส้นการฝึก ผู้เขียนก็รายงานการฝึก
ื
ิ
ึ
ึ
พ.ศ. ๒๕๑๖ อันเป็นเรือขนาด ๑,๘๐๐ ตัน ซ่งอู่ต่อเรือยาร์โรว์ ผ่านครูประพัฒน์ ซ่งตอนท้ายของรายงานได้เสนอความเห็น
ั
ื
�
ี
ี
ออกแบบเรือสาหรับต่างชาติท่ส่งซ้อเรือมีปืนใหญ่ท่หัวเรือ ไว้ว่า “ควรท�าดาดฟ้าท้ายเรือให้รับเฮลิคอปเตอร์ได้
ื
�
๑ กระบอก ท้ายเรือมีดาดฟ้าสาหรับเฮลิคอปเตอร์ ๑ เคร่อง โดยถอดหมู่ปืนกลท้ายเรือออก เพราะเวลาน้นไม่มีเรือ
ั
สองชาติแรกท่ส่งซ้อคือ ประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ท่มีเฮลิคอปเตอร์ติดเรือเลย” ครูประพัฒน์ท่าน
ั
ื
ี
ี
ึ
ซ่งทหารเรือไทยขอเปล่ยนแบบท่ท้ายเรือจากดาดฟ้า เห็นด้วย และเสนอหน่วยเหนือต่อไป แต่ “นักเลงปืน”
ี
ี
ื
็
เฮลิคอปเตอร์เป็นการติดต้งปืนใหญ่อีกหน่งกระบอก ในหน่วยเหนอไม่เหนด้วยเรองกเลยตกไป และผ้เขยน
ั
ึ
ู
ี
็
ื
่
ี
ท่ต้องเสียค่าเปล่ยนแบบ ค่าดัดแปลงดาดฟ้า และห้องท้ายเรือ ก็จิตตกเงียบไปด้วย
ี
ให้เหมาะแก่การยิงปืนใหญ่ และมีคลังกระสุน ส่วนเรือ และแล้วขณะเป็นนาวาเอก หัวหน้ากองข่าว กรมข่าว
มาเลเซียไม่มีการแก้แบบเรือมีเฮลิคอปเตอร์ประจาเรือ ทหารเรือ และครูประพัฒน์ เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ
�
ตามที่ออกแบบเรือมา ได้รับ “ส�าเนาเรื่องนี้ทั้งหมดให้ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว
แน่นอนท่เรือมากปืนมีอานาจการยิงมากกว่า (ขว.ทร) อดีตผู้บังคับการเรือหลวงประแสทราบ เพื่อจะ
�
ี
เรอน้อยปืน กเป็นไปตามความคดของ “นกเลงปืน” ได้ทราบว่าแนวความคิดที่ นาวาเอก พัน รักษ์แก้ว เสนอ
ื
ั
ิ
็
ั
ื
ส่วนเรือที่มีปืนน้อยย่อมมีอ�านาจการยิงน้อยกว่า แต่หวัง และผมได้ให้ความเห็นชอบเสนอกองทัพเรือน้น เม่อผม
ื
�
ประโยชน์จากเฮลิคอปเตอร์ในการลาดตระเวนหาข่าว เป็นผู้บัญชาการทหารเรือก็ได้ดาเนินการให้แล้ว แต่เม่อ
ช่วยปฎิบัติการทางเรือ เช่น การปราบเรือด�าน�้า การรบ ขัดกับความเห็นของนายทหารส่วนใหญ่ท่จะรับผิดชอบ
ี
ผิวน�้า ฯลฯ และประโยชน์อื่น ๆ อย่างการรับ-ส่งก�าลัง กองทัพเรือในอนาคต ผมจึงต้องระงับการส่งการไว้
ั
่
�
ื
่
ุ
บารง การต่อยอดการสอสาร เปนตน สดแตความคดของ ตามท่เห็นอยู่น้” กล่าวคือ “มีนักเลงปืน” ในฝ่ายอานวยการ
ี
ี
ิ
ุ
้
็
�
�
ผู้วางแผนก�าลังทางเรือว่าจะเป็น “นักเลงปืน” หรือเน้น เห็นว่าควรเอาปืนไว้ เรือประแสท่จะเป็นเรือลาแรกอันม ี
ี
ั
“ข้าศึกอยู่ไหน?” เฮลิคอปเตอร์ติดเรือก็ไม่ได้เป็น จนกระท่ง พ.ศ. ๒๕๓๕
ี
ิ
ุ
ึ
ื
ั
ี
่
ี
ี
ื
่
เป็นท่น่าสังเกตว่า ช่วงเวลาส่งต่อเรือมกุฎราชกุมาร มชดเรอจากจีนจงเรมมีเรอทออกแบบมามเฮลคอปเตอร์
ิ
เป็นช่วงเวลาเดียวกับการต่อเรือยนต์เร็วโจมตีชุดเรือหลวง
ปราบปรปักษ์ จ�านวน ๓ ล�า จากอู่ที่สิงคโปร์อันเป็นเรือ
ื
ื
�
ขนาด ๒๖๐ ตัน มีอาวุธปล่อยนาวิถีพ้น-สู่-พ้น ของ
ี
�
อิสราเอล อันถือได้ว่าเป็นเรือท่มีอานาจการโจมตีสูง
�
่
แต่เรือมี “สูงตา” ตา จากัดการรู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?”
�
แต่หากเรือมกุฎราชกุมารท่มีเฮลิคอปเตอร์เป็นเรือนา
ี
�
ึ
หมู่เรือยนต์เร็วโจมตีท่มีโอกาสรู้ “ข้าศึกอยู่ไหน?” มากข้น
ี
้
้
�
ึ
และจะทาให้ “การรบผิวนา” ดีขนอย่างแน่นอน แต่ก ็
�
หมดโอกาสนั้นไป
ขณะเป็นนาวาโท และเป็นผู้บังคับการเรือฟริเกต
ประแส ภายหลังการฝึกภาคต่างประเทศของนักเรียน
นายเรือในฤดูร้อน พ.ศ. ๒๕๑๕ โดย พลเรือตรี ประพัฒน์
นาวิกศาสตร์ 51
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๔

