Page 51 - นาวิกศาสตร์ เดือน สิงหาคม ๒๕๕๔
P. 51
มหาเถรคันฉ่อง ผู้กราบทูลความลับให้พระนเรศวรทรงทราบว่า แผนที่แสดงตำแหน่งเมืองแครง ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงประกาศ
พระเจ้ากรุงหงสาวดีคิดไม่ซื่อ อิสรภาพ เมื่อปี พ.ศ.๒๑๒๗
กลับบ้านเรา กวาดต้อนมาเมื่อปี พ.ศ.๒๑๑๒ ให้อพยพกลับอยุธยา
ฝ่ายพระมหาอุปราชา ผู้รักษากรุงหงสาวดีครั้น ได้ครอบครัวไทยกลับมาได้ประมาณหมื่นเศษ
ได้ทราบว่า พระยาเกียรติ พระยาราม กลับไปเข้า แผนการถอยทัพกลับกรุงศรีอยุธยา ให้
กับสมเด็จพระนเรศวร จึงไม่กล้ายกกองทัพออกมา ครัวเรือนไทยเดินทางล่วงหน้าไปก่อน พร้อม
ดังที่วางแผนเอาไว้ เป็นแต่รักษาพระนครไว้ให้มั่นคง กองทัพคุ้มกันพอสมควร ส่วนสมเด็จพระนเรศวร
สมเด็จพระนเรศวร ยกทัพข้ามแม่น้ำสะโตง เข้าไป คุมกองทัพหลวงระวังหลัง
จนใกล้ถึงชานกรุงหงสาวดีได้ทราบข่าวว่า พระเจ้า พม่าเห็นทัพไทยถอยทัพกลับพร้อมครัวเรือน
หงสาวดีนันทบุเรง ได้รบพุ่งกับพระเจ้าอังวะถึง ซึ่งการเดินทางจะต้องล่าช้ากว่าทัพทหารมาก
ชนช้างกัน พระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง ชนะได้เมือง พระมหาอุปราชา จึงให้จัดกองทัพ มีสุรกรรมาเป็น
อังวะแล้ว และได้ยกทัพกลับจวนจะถึงกรุงหงสาวดี แม่ทัพหน้า พระมหาอุปราชา เป็นกองทัพหลวง
สมเด็จพระนเรศวร เล็งเห็นว่า จะตีกรุงหงสาวดี ยกตามมาอย่างเร่งด่วน
ครั้งนี้คงไม่ได้ เพราะกองทัพใหญ่ถอยกลับมาแล้ว กองทัพหน้าพม่ายกมาทันกองทัพสมเด็จ
กองทัพกรุงศรีอยุธยามีกำลังไม่พอเพียง ถ้าทำตาม พระนเรศวรที่แม่น้ำสะโตง เมื่อกองทัพไทยข้ามฝั่ง
แผนเดิมจะถูกกองทัพพระเจ้ากรุงหงสาวดีตี แม่น้ำสะโตงมาทางตะวันออกแล้ว กองทัพพม่าอยู่
กระหนาบ จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ จึงเปลี่ยน ทางตะวันตก กองทัพทั้งสองฝ่ายยิงต่อสู่กันด้วยปืน
แผนเป็นให้กองทัพไทยแยกย้ายกันเที่ยวบอก ไฟนกสับ แต่กระสุนไม่ข้ามถึงอีกฝั่งหนึ่ง เพราะ
ครอบครัวไทย รอบๆ กรุงหงสาวดีที่ถูกพม่า แม่น้ำสะโตงกว้างมาก (ช่วงแคบที่สุดในฤดูแล้ง
๐50 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔

