Page 49 - นาวิกศาสตร์ เดือน สิงหาคม ๒๕๕๔
P. 49
กองทัพอยุธยามีกำลังพลไม่มาก ถ้าตกเข้าพื้นที่ เมื่อกองทัพอยุธยาถึงเมืองแครง เดือน ๖ ปีวอก
ซุ่มโจมตีตามที่พม่าวางแผนไว้ คงไม่ยากที่ฝ่ายพม่า พ.ศ.๒๑๒๗ ก็ได้พบขุนนางมอญ ๒ คน พระยาเกียรติ
มอญจะรุมยำให้เละได้ และพระยาราม ที่พระมหาอุปราชาให้คุมทัพมอญ
“ การกระทำเป็นของมนุษย์ ความสำเร็จเป็น มารอรับสมเด็จพระนเรศวรเพื่อจะนำกองทัพอยุธยา
ของฟ้า ” ไปเข้าพื้นที่ซุ่ม แล้วเป็นกองทัพตีกระหนาบหลัง
กองทัพอยุธยาด้วย เมืองแครงอยู่ทางตะวันตก
ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ แม่น้ำสะโตง
ฝ่ายไทย สมเด็จพระมหาธรรมราชา โปรดเกล้า ฯ พงศาวดารไทยหลายฉบับ กล่าวไว้ว่า สมเด็จ
ให้สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถ พระนเรศวร ทรงทราบแผนลวงทำลายพระองค์
เป็นผู้แทนคุมทัพอยุธยา ไปช่วยพม่าตามหมาย และกองทัพอยุธยาตามแผนของพม่า พระเจ้า
เกณฑ์ทัพ ความจริงกำลังส่วนใหญ่คือกองทัพกู้ชาติ นันทบุเรงและพระมหาอุปราชา จากพระยามอญ
ที่ซ่องสุมอยู่ที่เมืองพิษณุโลกนั่นเอง กองทัพคนหนุ่ม ๒ ท่าน ผ่านพระมหาเถรคันฉ่อง พระภิกษุมหา
ของพระองค์นั่นแหละ จากพงศาวดารต่าง ๆ ของไทย เถระผู้ใหญ่ชาวมอญ ผู้เป็นพระอาจารย์ของพระยา
และจากนักประวัติศาสตร์ชาวยุโรป กล่าวไว้พ้องกัน มอญทั้ง ๒ คน ที่เมืองแครงนี้เอง
ว่า ทางกรุงศรีอยุธยาก็เตรียมใช้สถานการณ์ที่เมือง แต่ ฮอลล์ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษที่เขียน
อังวะแข็งเมืองต่อกรุงหงสาวดีครั้งนี้ ประกาศเอกราช ประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวไว้ว่า
เหมือนกัน แต่มิใช่การประกาศเฉย ๆ จะใช้จังหวะ สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบแผนคิดประทุษร้าย
ที่กรุงหงสาวดีมีกองทหารเบาบางลงนี้ โจมตียึด ต่อพระองค์และต่อกองทัพอยุธยาของพม่า ตั้งแต่
กรุงหงสาวดีเสียด้วย จะเห็นว่าแผนของสมเด็จ อยู่ที่กรุงศรีอยุธยา หรือที่เมืองพิษณุโลกแล้ว
พระนเรศวรนั้น เป็นแผนเชิงรุกโดยตลอด เพราะเชื่อได้แน่นอนว่า ระบบการข่าวต่าง ๆ ของ
เมื่อเมืองอังวะตั้งแข็งเมืองเป็นกบฏขึ้น สมเด็จ สมเด็จพระนเรศวรในกรุงหงสาวดีนั้น ต้องมีอย่างดี
พระนเรศวรท่านก็ทรงล่วงรู้ทันทีว่า ถึงเวลาแล้วที่ พระองค์มีเพื่อน ๆ ทั้งชาวมอญ ไทยใหญ่ และยังมี
เมืองไทยจะเป็นอิสรภาพเสียที พระพี่นางสุพรรณกัลยา ประทับอยู่ในพระราชวัง
สมเด็จพระนเรศวร ยกทัพหลวงออกจากพิษณุโลก กรุงหงสาวดี มีเชลยไทยอยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ดังนั้น
เมื่อเดือน ๔ แรม ๖ ค่ำ ปีมะแม พ.ศ.๒๑๒๖ การจัดวางโครงข่ายจากในวังในราชสำนักออกมา
เดินทัพออกไปทางด่านแม่ละเมาไปทางเมืองเมาะตะมะ แล้วส่งต่อไปยังเมืองพิษณุโลกและกรุงศรีอยุธยา
พงศาวดารไทยหลายฉบับกล่าวไว้ว่า พระองค์ นั้น คงไม่เป็นการเหลือบ่ากว่าแรง ดังนั้ ข้อเขียน
พยายามถ่วงเวลาเดินทัพช้า ๆ หยุดพักแห่งละ ของ ฮอลล์ จึงน่าเชื่อถือได้ หนังสือประวัติศาสตร์
หลาย ๆ วัน ถ่วงเวลาให้กองทัพหลวงของพระเจ้า เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของ ฮอลล์ ได้รับความเชื่อ
นันทบุเรง ยกออกจากกรุงหงสาวดีไปก่อน ซึ่งก็เป็น ถือจากนักประวัติศาสตร์ประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย
ไปตามแผน ระยะทางจากกรุงหงสาวดีถึงเมืองอังวะ ตะวันออกเฉียงใต้มาก ดังนั้น การเดินทัพของ
ประมาณ ๕๐๐ กิโลเมตร แม้จะสามารถเดิน พระองค์จึงถ่วงเวลาเพื่อหาจังหวะโจมตีกรุงหงสาวดี
ทัพทางเรือได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้าต้อง ตอนที่เหลือเฉพาะกองทัพพระมหาอุปราชา
เสียเวลาปราบเมืองอังวะนานเท่าใด ก็จะเปิดโอกาส ป้องกันกรุง ซึ่งคงจะเหลือกำลังพลไม่มากจน
ให้สมเด็จพระนเรศวร โจมตีกรุงหงสาวดีได้มาก เกินไปนัก แม้จะมากกว่ากองทัพอยุธยาก็คง
เท่านั้น นี่คือความต้องการของฝ่ายไทย ไม่เกิน ๓ เท่า
๐48 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔

