Page 143 - ๒๕๐ ปี ตามรอยกองเรือยกพลขึ้นบกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากจันทบุรีสู่อยุธยา
P. 143
พิธีกร : เราก็เข้าสู่ประเด็นของรายการ เพราะคงจะไม่มีเวลาพูดถึงพระราชประวัติตั้งแต่ทรงพระเยาว์ จะขอ
จับจุดใหญ่ที่ส่งให้พระองค์ท่านเป็นวีระบุรุษของชาติ คือการกอบกู้อิสรภาพหรือกู้ชาติ ก่อนจะถึงจุดนั้น ก็ต้อง
เริ่มต้นถึงกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นราชธานีของไทย เมื่อ ๒๐๐ ปีเศษมาแล้ว ขอเรียนถามท่านอาจารย์เพื่อเป็นการ
่
่
ื
ู
ี
ี
ำ
ุ
่
่
ุ
้
ั
้
ุ
้
ี
ี
ู
ิ
่
ปพนตอนนวา สภาพกรงศรอยธยาในเวลานนประมาณปี ๒๓๑๐ มเหตการณ์อยางไรกอนทจะนาไปสวกฤตการณ ์
ครั้งใหญ่ของชาติคือกรุงแตก ครั้งที่ ๒
อาจารย์ทองต่อ : กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีของไทยถึง ๔๑๗ ปี และเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์เหลือเกิน
ำ
ำ
ำ
เป็นเมืองท่าท่สาคัญ มีความเจริญม่งค่ง ถึงขนาดเอาทองคา, เงิน มาทาเป็นพานให้ช้างหลวงกินหญ้า
ี
ั
ั
้
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ๆ โตๆ ก็เอามาหุ้มทองคำาทั้งองค์ เช่น พระศรีสรรเพชร ซึ่งสูงถึง ๘ ศอก ก็นำามาหม
ุ
ั
ำ
ทองคาท้งองค สาเหตุท่ต้องเสียกรุงเพราะผลัดแผ่นดิน เปล่ยนราชวงศ์กันบ่อยคร้งในระยะช่วงปลายของ
ี
์
ั
ี
ั
กรุงศรีอยุธยา ต้งแต่แผ่นดินของ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นต้นมา เม่อมีการผลัดแผ่นดินก็มีการ
ื
ี
เปล่ยนตัวข้าราชการด้วยวิธีการให้ออกไปพ้นราชการ กาจัดไปเสียบ้าง ตายไปเสียบ้าง ถึงขนาดอัตคัดมาก
ำ
ต้องเอาคนต่างชาติ เช่น แขก, จีน, ฝรั่ง มาเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในตอนปลายกรุง เพราะฉะนั้นก็เป็นความ
อ่อนแอของกรุงเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าสาเหตุใหญ่เพราะการเสียความสามัคคีของบุคคลระดับผู้นำาของบ้านเมือง
ี
ำ
พิธีกร : อันน้อาจเป็นสาเหตุท่นาไปส่กรุงแตก และขอเรียนถามท่านรองเสนาธิการทหารบกและรองเสนาธิการ
ู
ี
ทหารเรือซึ่งมานั่งอยู่ที่นี่ ซึ่งท่านผู้ชมคงคิดว่ามาผิดงานหรืออย่างไรขอเรียนว่ามาไม่ผิดเพราะพระราชวีรกรรม
ั
์
่
่
ิ
ิ
่
ี
ื
ี
็
่
้
ของสมเดจพระมหาราชเจาพระองคน้น คอ พระราชวรกรรมในฐานะททรงเปนทหารทียงใหญของชาต ในฐานะ
็
ี
ท่ท่านรองเสนาธิการทหารบกเป็นทหารบก ได้พิจารณาพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจในสมเด็จพระเจ้า
ิ
ำ
ี
ตากสินฯ มีความเห็นว่าทรงกระทาอะไรจึงได้มีการยกย่องเคารพเทิดทูนพระองค์ท่านว่าทรงเป็นทหารบกท่ย่งใหญ ่
พระองค์หนึ่งของชาติ
ื
ี
ี
รองเสนาธิการทหารบก : ท่านผ้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้กระผมมากราบเรียนเร่องท่เก่ยวข้องกับ
ู
การยุทธทางบกท่พระองค์ท่านได้ใช้พระปรีชาสามารถจนกระทั่งกอบก้ประเทศชาติและขยายอาณานิคม
ู
ี
แผ่ไพศาลออกไปอย่างกว้างขวาง กระผมอยากกราบเรียนในช้นต้นก่อนนะครับว่าเรากาลังจะเจาะเข้าไปส่ใน
ู
ำ
ั
ื
ึ
ประวัติศาสตร์เม่อ ๒๑๘ ปีมาแล้ว ซ่งการพูดถึงประวัติไทยรบพม่า พม่ารบไทย ก็คงมีการกระทบกันบ้าง ต้องเข้าใจ
ึ
ว่าส่งท่เกิดข้นเป็นส่งท่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ซ่งประวัติศาสตร์น้นก็เป็นเคร่องตรวจสอบให้อนุชนร่นหลังมีความ
ุ
ึ
ิ
ี
ั
ี
ิ
ื
รักชาติ ถนอมชาติ ผูกพันกันระหว่างคนในชาติให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียวกันในชาติ เพราะฉะน้นประวัติศาสตร ์
ั
เราจะเป็นต้องนำามาสั่งสอน ศึกษา เพื่อช่วยให้เกิดความรักชาติ ดังที่กราบเรียนมาแล้ว ในปัจจุบันไทย - พม่า
มีความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับรัฐบาลผู้นำา, ทางทหาร และประชากรทั้งสองประเทศ ปัจจุบันเรารักกันมีความ
สัมพันธ์กัน แต่กระผมอยากจะกราบเรียนถึงประวัติศาสตร์เมื่อ ๒๐๐ ถึง ๓๐๐ ปี ที่ผ่านมา ก่อนที่จะพูดถึง
ู
ี
ู
พระราชกรณียกิจและพระปรีชาสามารถท่พระองค์ได้ก้บ้านเมืองน้น กระผมขออนุญาตอาจารย์ ท่านผ้ชมได้ติดตาม
ั
ำ
ในเรื่องไทยรบพม่า พม่ารบไทย เสียนิดหน่อยว่า ในทางทหารเราได้ร่าเรียนในประวัติศาสตร์ว่าในช่วงเวลาถึง
ี
ั
๓๑๖ ปี ต้งแต่ปี ๒๐๘๑ ในรัชสมัยพระไชยราชาในสมัยกรุงศรีอยุธยา เราได้เร่มมีรบกับพม่าจนถึงสมัยรัชกาลท่ ๔
ิ
ในกรุงรัตนโกสินทร์ ปี ๒๓๙๗ เป็นเวลานานมาก ระหว่างชนสองชาติท่มีพรมแดนติดต่อกันถึง ๑๗๘๐ กิโลเมตร
ี
ทางภาคพื้นดินและมีอาณาเขตติดต่อกันทางทะเลอีก เราต้องใช้กำาลังประหัตประหารกันมาถึง ๔๔ ครั้งใหญ่ๆ
ที่เราได้กรีธาทัพไปตีพม่า พม่ายกมาตีไทย ซึ่งประวัติศาสตร์ที่พวกเราได้เรียนและจารึกว่ามีการยุทธครั้งใหญ่ๆ
ำ
ื
สมควรนามาร่าเรียนเพ่อเป็นบทเรียนในโรงเรียนเสนาธิการทหารบกและโรงเรียนเหล่าต่างๆ ของกองทัพบก
ำ
141

