Page 148 - ๒๕๐ ปี ตามรอยกองเรือยกพลขึ้นบกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจากจันทบุรีสู่อยุธยา
P. 148
นี้ก็เป็นในด้านของการเดินเรือ ส่วนในด้านยุทธวิธีนั้น พลเรือตรีแชน ปฏิสานนท์ อดีตเสนาธิการทหารผู้หนึ่งของ
กองทัพเรือ ได้ถอดความไว้ในหนังสือประวัติการณ์ของทหารเรือไทย มีความดังนี้ “พระองค์ทรงระบุจุดอ่อนใน
ำ
ำ
ี
ำ
การใช้ปืนใหญ่ของฝ่ายญวน ท่ไม่สามารถหันปืนใหญ่มายิงเรือไทยได้สะดวก จึงกาหนดให้เข้าทาการรบ รวมกาลัง
กันเข้าตีเรือญวนเป็นหมู่ ๆ ในทิศที่ปืนใหญ่ญวนยิงไม่ถนัด ให้รีบแจวเรือเข้าไปในระยะกระชั้นชิดโดยไม่รั้งรอ ซึ่ง
ำ
ั
ำ
ี
คนแจวจะต้องแจวเรืออย่างเต็มกาลัง เช่นน้ก็เป็นทานองเดียวกันกับยุทธวิธีของฝร่งในสมัยยุคเรือกรรเชียงได ้
ทาการเข้าตีตามแบบขบวนเรียงข้าง หัวเรือม่งไปส่เรือข้าศึก และใช้อาวุธปืนใหญ่หน้าเรือหรือปืนใหญ่หัวเรือระดม
ุ
ำ
ู
ื
ั
ยิงเรือข้าศึกโดยจะต้องหลบหนีทางปืนของข้าศึกด้วย เม่อถึงระยะกระช้นชิดแล้วพลรบก็ข้นตะลุมบอนกันบนเรือ
ึ
ข้าศึกด้วยความห้าวหาญ ก็จะได้ชัยชนะโดยง่าย” จากที่ได้กราบเรียนมาดังกล่าวแล้วนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องพอที่จะ
ั
ยืนยันได้ว่า พระองค์น้นมีพระปรีชาสามารถท้งในด้านการเดินเรือทางด้ายยุทธวิธีการรบ ก็น่าจะกล่าวได้ว่า
ั
พระองค์เป็นจอมทัพเรือที่สามารถพระองค์หนึ่ง
ื
ู
ู
ิ
ี
ั
พธีกร : เม่อสักคร่เราได้ความร้จาก พล.ท.วันชัย เรืองตระกูล ว่าตอนท่กรุงศรีอยุธยาจะแตกน้น พระเจ้ากรุงธนบุร ี
หรือพระเจ้าตากสินมหาราชได้นำาเอาทหารประมาณ ๕๐๐ คน ตีฝ่าออกไปจากกรุงศรีอยุธยาทางด้าน
ี
ู
ี
ั
ื
ทิศตะวันออกละไปเร่อยจนในท่สุดถึงเมืองจันทบุรี น่นก็คงไปทางบกล้วนๆ แล้วเราก็ได้ความร้เวลาขาท่จะวกกลับ
เข้ามากู้อิสรภาพ มาตีกรุงธนบุรี ตีค่ายโพธิ์สามต้น ตีกรุงศรีอยุธยา กลับคืนมานั้น มาโดยใช้กำาลังทางเรือเป็น
ส่วนใหญ่ ตอนนี้ขออนุญาตเรียนถามท่านรองเสนาธิการทหารเรือว่า ท่านจะต้องใช้วิธีวิเคราะห์เอาหรือจะโดย
ี
หลักการใดก็ตามว่า เหตุใดพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงทรงตีฝ่าวงล้อมไปทางทิศตะวันออก คือ หลายทางน้นอย่ท่ระยอง
ู
ั
อยู่ที่จันทบุรี ทำาไมท่านไม่ขึ้นเหนือหรือทำาไม่ท่านไม่ไปอีสาน อย่างน้อยที่สุดเมืองตาก เมืองกำาแพงเพชรก็เป็น
เมืองเก่าของท่าน ท่านเคยเป็นเจ้าเมืองอยู่ เหตุใดถึงเสด็จออกไปทางทิศตะวันออกอย่างนั้น
ำ
ำ
ี
ี
ู
รองเสนาธิการทหารเรือ : อันน้เป็นคาถามท่มีคุณค่ามากในอันท่จะนาไปส่ความเป็นอัจฉริยะทางเรือของสมเด็จ
ี
พระเจ้าตากสินมหาราช ตามที่ท่านรองเสนาธิการทหารบกได้กล่าวไว้เมื่อสักครู่นี้ว่า พระองค์เมื่อเห็นเหตุการณ์
ท่กรุงศรีอยุธยาว่าจะไปไม่รอดแน่ล่วงหน้าถึง ๓ เดือน ก็ตัดสินพระทัยนาทหารใต้บังคับบัญชาของพระองค์เพียง
ี
ำ
๕๐๐ คน ตีฝ่าออกมาจากค่ายพิชัย และม่งลงมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ น่นก็คือ ม่งมาทางนครนายก ปราจีนบุรี
ั
ุ
ุ
ดังกล่าว แล้วก็ผ่านชลบุรีมาระยองไปจันทบุรี นี่แหละครับคือเหตุผลที่น่าคิดว่าพระองค์เป็นทหารบก เหตุใด
จึงเดินทางไปทางริมฝั่งทะเล อันนี้เป็นปัญหาน่าคิดและก็เหตุใดทำาไมท่านถึงไม่ขึ้นเหนือ อันนี้น่าจะวิเคราะห์ได้
ว่า ทางเหนือนั้นก็มีกำาลังพม่าอยู่ กำาลังของพระองค์ก็มีแค่ ๕๐๐ คน พม่ายกกำาลังเข้ามาทางเชียงใหม่ และมี
การวางกำาลังไว้ สำาหรับทางด้านทิศตะวันตกนั้นก็เป็นที่เชื่อแน่ว่ารอบๆ กรุงศรีอยุธยานั้นไม่ปลอดภัยเลย แล้วก็
เป็นอันตรายมีกำาลังของพม่าอยู่กันไม่น้อย สำาหรับทางใต้นั้นก็เป็นระยะทางไกลมาก แล้วก็โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่
กรุงธนบุรีสมัยนั้นก็มีกำาลังพม่าตั้งอยู่ที่ธนบุรีคือกำาลังของนายอินทร์ ที่น่าคิดพระองค์น่าจะไปทางอีสาน เพราะ
ี
ู
อีสานน้นดูท่าว่าจะว่างจากพม่า และมีเมืองใหญ่ๆ อย่หลายเมือง เหมาะท่จะใช้เป็นฐานในการรวบรวมผ้คน กาลัง
ั
ู
ำ
ทางบก แล้วก็เสริมกำาลังที่นั่น หาเสบียงอาหารให้พร้อม แต่พระองค์ก็ไม่ได้เสด็จไป อันนี้ผมก็เป็นทหารเรือแต่
ก็อยากคะเนหรืออนุมานเอาว่า พระองค์คงเห็นว่าการที่จะขึ้นไปภาคอีสานนั้นเป็นการเดินทัพทางบกด้วยกำาลัง
เพียง ๕๐๐ คน แล้วเมื่อพระองค์ท่านใช้เวลานานในการที่ไปรวบรวมกำาลัง และต้องกลับมาทางบกจะต้องฝ่า
อันตราย จะต้องมีการถูกลิดรอน เพราะฉะน้นการรวบรวมกาลังของพระองค์ท่านจะต้องย่งใหญ่ใช้เวลานาน แล้ว
ิ
ำ
ั
ี
ำ
ี
ี
ก็เป็นการกระทาท่เส่ยงมาก ด้วยเหตุน้กระผมจึงคิดว่าพระองค์มีพระปรีชาญาณท่เห็นว่าการเดินทางทางเรือหรือ
ี
การนำาทัพเรือ จะเป็นหนทางลัด จะเป็นประโยชน์ และพระองค์ทรงทราบถึงจุดเด่นจุดสำาคัญของกำาลังทางเรือ
ื
ำ
เป็นอย่างดี พระองค์จึงตัดสินใจลงมาทางตะวันออกเฉียงใต้ และเร่อยลงมาทางริมฝั่งทะเล แล้วก็มารวบรวมกาลัง
146

