Page 81 - นาวิกศาสตร์ เดือน กรกฎาคม ๒๕๕๔
P. 81
ชิลี สหราชอาณาจักร
การจัดหาเรือสงครามสะเทินน้ำสะเทินบก อาวุธปล่อยนำวิถีเบาสำหรับเรือขนาดเล็ก
ทร.ชิลีมีความประสงค์จัดหาเรือสงครามสะเทินน้ำ บริษัท Thales UK ได้ร่วมมือกับบริษัทตุรกีคือ
สะเทินบกลำใหม่แบบมีอู่น้ำท้ายเรือ (LPD) โดยถือเป็น Aselsan และ Yonca - Onuk ในการพัฒนาระบบ
ความจำเป็นเร่งด่วนหลังจากที่ได้มีการปลดระวางประจำการ อาวุธปล่อยอเนกประสงค์เบา (Lightweight Multirole
เรือยกพลขึ้นบก (LST) ชื่อ Valdivia ไปเมื่อวันที่ ๑๔ Missile - LMM) ที่มีความแม่นยำสูงสำหรับใช้กับ
มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓ แทนที่จะทำการซ่อมคืนสภาพ เรือขนาดเล็ก โดยระบบอาวุธได้รับการออกแบบ
ตามแผนที่วางไว้เดิม เพื่อให้เรือสกัดกั้นเรือขนาดเล็กความเร็วสูงได้มีอาวุธที่มี
เรือ Valdivia ขนาดระวางขับน้ำ ๘,๕๐๐ ตัน อำนาจการยิงรุนแรง ระบบอาวุธ LMM ประกอบ
เป็นเรือประเภท LST ชั้น Newport โอนจาก ทร.สหรัฐ ฯ ด้วยแท่นยิงที่ควบคุมการทรงตัวด้วย ไจโร สองแกน
ให้กับ ทร.ชิลี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ ซึ่งจากแหล่งข่าวที่ รองรับท่อยิงอาวุธปล่อย ๔ ลูก ที่พร้อมยิงควบคุม
เมือง Santiago กล่าวว่าเรือซึ่งมีอายุ ๔๐ ปี ลำนี้มีการ การยิงด้วยศูนย์แบบไฟฟ้า - ทัศนะร่วมกับเลเซอร์ ซึ่ง
เสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากถูกใช้งานอย่างหนักใน จะปล่อยลำแสงนำทางให้แก่ลูกอาวุธปล่อยเมื่อยิงออกไป
ภารกิจการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เมื่อเดือน การควบคุมทั้งหมดนี้ กระทำจากจอที่สะพานเดินเรือ
กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๓ ซึ่งการการตรวจสภาพเรือเมื่อ ระบบอาวุธข้างต้นนี้ได้รับการตั้งแสดงที่นิทรรศการ
เดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๓ พบว่ามีความล้าเกิดขึ้นกับ อาวุธทางเรือปี ค.ศ.๒๐๑๑ (Naval Defence
โครงสร้างตัวเรือในระดับที่ทำให้การซ่อมคืนสภาพไม่มี Exhibition 2011 - NAVDEX 2011) ที่เมือง
ความคุ้มค่า อันเป็นที่มาของแผนการจัดหาเรือ LPD Abu Dhabi สหรัฐอาหรับเอมิเรต ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๔
มาใช้ทดแทน กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔
ประเทศต่าง ๆ ได้เสนอแบบเรือให้ทาง ทร.ชิลี
พิจารณา เช่น ฝรั่งเศสเสนอเรือแบบ Foudre อิตาลี อินโดนีเซีย
เสนอแบบเรือชั้น Giorgio และสหราชอาณาจักรแจ้งให้ชิลี การปล่อยเรือ KCR 40 ลำแรก
ทราบว่าเรือ RFA Largs Bay ได้ปลดระวางประจำการ บริษัท Palindo Marine ประเทศอินโดนีเซีย
ไปเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ.๒๕๕๔ ได้ปล่อยเรือเร็วติดอาวุธปล่อยนำวิถีขนาด ๔๐ เมตร
KCR 40 (Kapal Cepet Rudal 40) ลำแรกลงน้ำ
๐78 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔

