Page 44 - นาวิกศาศตร์ กรกฎาคม ๒๕๖๑
P. 44
ิ
ึ
ไปตำมข้อต้น ๆ ที่ได้กล่ำวมำแล้ว ส่วนขั้นกำรโจมตีของ ข้นลงทำงด่งแบบ AV–8S Harrier และกำรโจมต ี
ึ
ก�ำลังรบยกพลข้นบก เพ่อสถำปนำหัวหำดท่ต้องอำจต้อง ระยะไกลของเครื่องบิน A–7 Corsair
ื
ี
ี
ื
ใช้คล่นเฮลิคอปเตอร์ในกำรเคล่อนท่จำกเรือสู่ฝั่ง (Ship
ื
to shore movement) หรือกำรโอบทำงดิ่ง (Vertical
Development) และกำรสนับสนุนทำงอำกำศเชิงรุก
(Offensive Air Support Operations) ด้วยกำรโจมตี
นั้น มีข้อเสนอแนะดังนี้
ุ
๓.๕.๑ ฮ.ล�ำเลียงของกองทัพเรือ ปัจจบันท ี ่
ออกแบบมำส�ำหรับกำรสนับสนุนกำรปฏิบัติกำรภำคพื้น
ของทหำรรำบ โดยเฉพำะกำรยุทธเคล่อนท่ทำงอำกำศ ซ่ง ึ
ื
ี
ื
มีลักษณะเหมือนคล่นโจมตีด้วยเฮลิคอปเตอร์ในกำรยุทธ
สะเทินน�้ำสะเทินน�้ำสะเทินบกและอื่น ๆ คือ ฮ.ล�ำเลียง
แบบ MH–60 Knighthawk และ แบบ Bell 212 หรือ
UH–1N Twin Huey ปัญหำคือ ฮ. Bell 212 ดังกล่ำว AH–1 Z
ได้ประจ�ำกำรมำครบ ๔๐ ปี สมควรท่จะปลดรำชกำร ๓.๖ ส�ำหรับการปฏิบัติการของนาวิกโยธิน
ี
แล้ว แต่ข้อเสนอแนะคือหำกยังไม่สำมำรถจัดหำ ฮ. ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะ คือ กำรปฏิบัติกำรสะเทินน�้ำ
ที่เหมำะสมในกำรปฏิบัติกำรดังกล่ำว และกำรสนับสนุน สะเทินบกในกองก�ำลังทำงเรือ และกำรปฏิบัติกำร
ี
กำรปฏิบัติกำรทำงบกของนำวิกโยธินได้ เห็นควรให้ ทำงบกของกองก�ำลังนำวิกโยธินเอง ข้อเสนอแนะเก่ยวกับ
ิ
คงประจ�าการ ฮ.ล�าเลียงแบบ Bell 212 ไว้ก่อน และ ขดควำมสำมำรถอำกำศยำน กบร. ปจจบนในกำรปฏบตกำร
ั
ุ
ิ
ั
ี
ั
ิ
�
หากกระทาได้น่าจะซ่อมปรับปรุงคืนสภาพ หรือเพ่ม สะเทินน้ำสะเท้นบกได้กล่ำวไปแล้ว คงเหลือแต่
ิ
�
ั
�
่
ขีดความสามารถ เพอใช้ในรำชกำรอีกช่วระยะเวลำหน่ง ึ การปฏิบัติการทางบกต่าง ๆ ของกองกาลังนาวิกโยธิน
ื
๓.๕.๒ จำกกำรขำดขีดควำมสำมำรถกำรโจมตี เองปฏิบัติการ ซึ่งมีข้อเสนอแนะดังนี้
ระยะไกลของเคร่องบินโจมตีฐำนบินบกและเคร่องบิน ๓.๖.๑ กำรขนส่งล�ำเลยงโดยเฉพำะ
ื
ี
ื
ื
ี
ึ
ิ
ขับไล่ข้นลงทำงด่งของกองเรือเอง ท�ำให้เกิดข้อจ�ำกัด ทำงยุทธวิธ ท่รวมถึงกำรส่งทำงอำกำศ กำรเคล่อนท ี ่
ี
ึ
่
ี
้
เป็นอันมำกในกำรเลือกต�ำบลท่ยกพลข้นบกที่ต้อง ทำงอำกำศ ตลอดจนกำรส่งกำลังบ�ำรุงในพนทปฏบติกำร
ั
ิ
ี
�
ื
ื
อยู่ในรัศมีกำรปฏิบัติกำรของเคร่องบินขับไล่โจมต ี ท่ต้องกำรเคร่องบิน และเฮลิคอปเตอร์ล�ำเลียงแบบต่ำง ๆ
ี
ื
ั
กองทัพอำกำศ ซึ่งต้องใช้อำวุธสนับสนุนทั้งก่อนเวลำ น. ให้กำรสนับสนุนน้น ข้อเสนอแนะส�ำหรับ ฮ.แบบ Bell 212
ื
และต่อเป้ำหมำยในทำงลึก หรือท่ปืนเรือและปืนใหญ่ ได้กล่ำวไปแล้ว แต่ส�ำหรับเคร่องบิน ปัญหำในอนำคต
ี
สนำมไม่สำมำรถด�ำเนินกำรได้ในกำรรุกคืบหน้ำของ คล้ำยท่กล่ำวมำคือ เคร่องบินท่ใช้เป็นหลักในกำรส่ง
ี
ี
ื
ึ
ก�ำลังรบยกพลข้นบก แม้จะเป็นกำรปฏิบัติกำรขนำดเล็ก ทำงอำกำศโดยวิธีใช้ร่มท่มีควำมสำมำรถในกำรบรรทุก
ี
ึ
ี
เช่น กำรยกพลข้นบกแบบโจมตีโฉบฉวยก็ตำม กำรแก้ มำกท่สุดคือ เคร่องบินล�ำเลียงแบบ F–27 Mk 400
ื
ี
ี
ื
ื
ปัญหำน้เพ่อให้สำมำรถปฏิบัติกำรนอกรัศมีกำรโจมต ี แต่เคร่องบินแบบน้ใช้รำชกำรมำเป็นปีท ๓๒ แล้ว
่
ี
่
ของเครองบินกองทพอำกำศ ได้ระดบหนึง เหนควรให้ เร่มถึงเวลำท่จะต้องจัดหำทดแทน ข้อเสนอแนะคือ
ี
็
่
ิ
ื
ั
ั
จัดหำเฮลิคอปเตอร์โจมตีประจ�าเรือหลวงจักรีนฤเบศร การจัดหาต้องคานึงถึงขีดความสามารถในการส่ง
�
ทดแทนขีดควำมสำมำรถกำรโจมตีของเคร่องบินขับไล่ ทางอากาศอย่างน้อยจะต้องไม่ด้อยไปกว่าแบบเดิม
ื
42 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๑๐๑ เล่มที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑

