Page 56 - 25. art 11003
P. 56
46
2. พื้นฐานจังหวะ (Element of Time)
ี
ี
ั้
ี่
เปนศลปะของการจัดระเบยบเสยงทเกี่ยวของกับความชาเร็ว ความหนักเบาและความสน-ยาว
ิ
ั
ิ
ี่
องคประกอบเหลานี้หากนํามารอยเรียงปะติดปะตอเขาดวยกันตามหลกวิชาการเชงดนตรีแลว สามารถทจะ
ี
ั
ิ
ิ
ิ
สรางสรรคใหเกิดลลาจังหวะอนหลากหลาย ในเชงจิตวิทยา อทธพลของจังหวะทมผลตอผฟงจะปรากฏพบ
ี
ี่
ู
ในลักษณะของการตอบสนองเชิงกายภาพ เชน ฟงเพลงแลวแสดงอาการกระดิกนิ้ว ปรบมือรวมไปดวย
3. ทํานอง (Melody)
ี่
ี
ี
ู
ั้
ทานองเปนการจัดระเบยบของเสยงทเกี่ยวของกับความสง-ต่ํา ความสน-ยาว และความดัง-เบา
ํ
ู
ี่
คุณสมบัติเหลานี้เมื่อนํามาปฏิบัติอยางตอเนื่องบนพื้นฐานของความชา-เร็ว จะเปนองคประกอบของดนตรีทผฟง
สามารถทําความเขาใจไดงายที่สุด
ํ
ี
ํ
ู
ในเชิงจิตวิทยา ทํานองจะกระตุนผฟงในสวนของสติปญญา ทานองจะมสวนสาคัญในการสรางความ
ประทับใจ จดจํา และแยกแยะความแตกตางระหวางเพลงหนึ่งกับอีกเพลงหนึ่ง
4. พื้นผิวของเสียง (Texture)
ั่
ั
ิ
ื้
ึ
ิ
ื้
ิ
“พนผว” เปนคําทใชอยูทวไปในวิชาการดานวิจิตรศลป หมายถง ลกษณะพนผวของสงตางๆ เชน
ี่
ิ่
พื้นผิวของวัสดุที่มีลักษณะขรุขระ หรือเกลี้ยงเกลา ซึ่งอาจจะทําจากวัสดุที่ตางกัน
ในเชิงดนตรีนั้น “พื้นผิว” หมายถึง ลักษณะหรือรูปแบบของเสียงทั้งที่ประสานสัมพันธและไมประสาน
ั้
สมพนธ โดยอาจจะเปนการนําเสยงมาบรรเลงซอนกันหรือพรอมกัน ซงอาจพบทงในแนวตั้งและแนวนอน
ึ่
ั
ั
ี
ี
ั
ิ
ตามกระบวนการประพนธเพลง ผลรวมของเสยงหรือแนวทงหมดเหลานั้น จัดเปนพนผวตามนัยของดนตรี
ั้
ื้
ทั้งสิ้น ลักษณะรูปแบบพื้นผิวของเสียงมีอยูหลายรูปแบบ ดังนี้
ี
4.1 Monophonic Texture เปนลักษณะพื้นผิวของเสียงที่มีแนวทํานองเดียว ไมมีเสยงประสาน
พื้นผิวเสียงในลักษณะนี้ถือเปนรูปแบบการใชแนวเสียงของดนตรีในยุคแรกๆ ของดนตรีในทุกวัฒนธรรม
ํ
ี่
4.2 Polyphonic Texture เปนลกษณะพนผวของเสยงทประกอบดวยแนวทานองตั้งแต
ี
ื้
ิ
ั
ํ
ุ
ี่
ิ
สองแนวทานองขึ้นไป โดยแตละแนวมความเดนและเปนอสระจากกัน ในขณะททกแนวสามารถประสาน
ี
กลมกลืนไปดวยกัน
ี
ี
ั
ลกษณะแนวเสยงประสานในรูปของ Polyphonic Texture มวิวัฒนาการมาจากเพลงชานท
ี
ี
ั
ื้
ํ
ี
(Chant) ซงมพนผวเสยงในลกษณะของเพลงทานองเดียว (Monophonic Texture) ภายหลงไดมการเพมแนว
ิ
ั
ึ่
ิ่
ขับรองเขาไปอีกหนึ่งแนว แนวที่เพิ่มเขาไปใหมนี้จะใชระยะขั้นคู 4 และคู 5 และดําเนินไปในทางเดียวกับเพลง
ชานทเดิม การดําเนินทานองในลกษณะนี้เรียกวา “ออรกานุม” (Orgonum) นับไดวาเปนยุคเริ่มตนของ
ํ
ั
ํ
ี่
การประสานเสียงแบบ Polyphonic Texture หลังจากคริสตศตวรรษท 14 เปนตนมา แนวทานองประเภทนี้ไดม ี
ิ่
การพัฒนากาวหนาไปมาก ซึ่งเปนระยะเวลาที่การสอดทํานอง (Counterpoint) ไดเขาไปมีบทบาทเพมมากขึ้นใน
การตกแตงพื้นผิวของแนวทํานองแบบ Polyphonic Texture

