Page 64 - 25. art 11003
P. 64

54





               เรื่องที่ 1   นาฏยนิยาม



                                                                                                          
                                                                                                      
                                                                                                        ึ่
                                                                                                   ิ
                      นาฏยนิยาม  หมายถึง คําอธบาย คําจํากัดความ ขอบเขต บทบาท และรูปลกษณของนาฏศลป ซงลวน
                                                                                      ั
                                              ิ
                                                                               ิ
                                                                    
                                                                      ี้
                                                                                                          ี
                                            ี่
                                                           
                                                                                         ํ
                                                        ั
                                       ิ
                                                                                 
                                          
                                                                                   ี
               แสดงความหมายของนาฏยศลปทหลากหลาย อนเปนเครื่องบงชวานาฏยศลปมความสาคัญ  เกี่ยวของกับชวิต
               และสังคมมาตั้งแตอดีตกาล

               นิยาม
                      ในสวนนี้เปนการกลาวถึง ความหมายของนาฏยศิลป หรือการฟอนรําที่ปราชญและนักวิชาการสําคัญได
               พยายามอธิบายคําวา นาฏยศิลป ไวในแงมุมตาง ๆ ดังนี้
                                                                               ิ
                                                                                    ึ
                      สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ ทรงอธบายถงกําเนิดและวิวัฒนาการของ
                                  
               นาฏยศิลปที่ผูกพันกับมนุษย ดังนี้
                                    
                                                                                                  ิ่
                                                                         
                                                                ุ
                            
                                                                                                          ี่
                                                                           ื
                      “การฟอนรําเปนประเพณีของมนุษยทกชาติทกภาษา ไมเลอกวาจะอยู ณ ประเทศถนสถานทใด
                                                         ุ
                                                              ี
                                                                         ุ
                                                                     
               ในพิภพนี้ อยาวาแตมนุษยเลย ถึงแมสัตวเดรัจฉานก็มวิธฟอน เชน สนัข ไกกา  เวลาใดสบอารมณ มนก็จะเตน
                                                            ี
                                                                
                                                                                                    ั
                                                                                                           ็
                                                                    ั
                                                                                                        ็
                                                         
                                                                                         
                                                                       ั
               โลดกรีดกรายทํากิริยาทาทางไดตาง ๆ ก็คือการฟอนรําตามวิสยสตวนั้นเอง ปราชญแหงการฟอนรําจึงเลงเหน
                                                                                               
                                             ั
                                                                          
                                                                             ุ
                    
                                                                                               ุ
                            ู
                                                 ื่
               การฟอนรํานี้มลรากเกิดแตวิสยสตวเมอเวทนาเสวยอารมณ  จะเปนสขเวทนาก็ตามหรือทกขเวทนาก็ตาม
                                          ั
                                                     
                                                                        
                                                                          ็
                                                               
                                                                                       
                                   
                                       
                                         ั้
                
                                                                                                           
                                                                                                ุ
                                                                                           ั
               ถาเสวยอารมณแรงกลาไมกลนไวได ก็แลนออกมาเปนกิริยาใหเหนปรากฏยกเปนนิทศนอทาหรณดังเชน
                                                                                          ุ
                                                                             
               ธรรมดาทารก เวลาอารมณเสวยสุขเวทนาก็เตนแรงเตนแฉงสนุกสนาน  ถาอารมณเสวยทกขเวทนาก็ดิ้นโดยให  
                                                                                         ี่
                                                                                                  
               แสดงกิริยาปรากฏออกใหรูวาอารมณเปนอยางไร  ยิ่งเติบโตรูเดียงสาขึ้นเพยงไร กิริยาทอารมณเลนออกมาก็ยิ่ง
                                                                              ี
               มากมายหลายอยางออกไป  จนถงกิริยาทแสดงความกําหนัดยินดีในอารมณ และกิริยาซงแสดงความอาฆาต
                                                   ี่
                                            ึ
                                                                                            ึ่
               โกรธแคน เปนตน กิริยาอันเกิดแตเวทนาเสวยอารมณนี้นับเปนขั้นตนของการฟอนรํา
                                                                                                     
                      ตอมาอกขั้นหนึ่งเกิดแตคนทงหลายรูความหมายของกิริยาตาง ๆ เชน กลาวมาก็ใชกิริยาเหลานั้นเปน
                                                                                                           
                             ี
                                                                                
                                                                                             
                                               ั้
                                                                                     
               ภาษาอันหนึ่ง  เมื่อประสงคจะแสดงใหปรากฏแกผูอื่นโดยใจจริงก็ดี หรือโดยมายาเชนในเวลาเลนหัวก็ดี วาตนม ี
                                                                        
                                                                                                    ํ
                                                                                
               อารมณอยางไร ก็แสดงกิริยาอันเปนเครื่องหมายอารมณอยางนั้น เปนตนวาถาแสดงความเสนหา ก็ทา กิริยายิ้ม
                                                                             ื่
                                                                                     ํ
                                                                                                  ึ
                                                                            ู
                                                                                               ึ
                                                                                 ั
                                                               
               แยมกรีดกราย จะแสดงความรื่นเริงบนเทงใจก็ขับรองฟอนรํา จําขูใหผอนกลวก็ทาหนาตาถมงทงแลโลดเตน
                                               ั
                                                                           
                                                   ิ
                                                                
               คุกคาม จึงเกิดแบบแผนทาทางที่แสดงอารมณตาง ๆ อนเปนตนของกระบวนฟอนรําขึ้นดวยประการนี้นับเปน
                                                             ั
                                                                                  
                                                                                                           
               ขั้นที่สอง
                      อันประเพณีการฟอนรําจะเปนสําหรับฝกหดพวกทประกอบการหาเลยงชพดวยรําเตน เชน โขนละคร
                                                       
                                                          ั
                                                                                    ี
                                                                                                  
                                                                 ี่
                                                                                 ี้
                                                                                                ึ
                         ิ
                                                                                       ี่
                                                                                                         
                                                                                          
                 
                                           
               เทานั้นหามได แตเดิมมายอมเปนประเพณีสาหรับบคคลทกชนบรรดาศกดิ์และมทใชไปจนถงการยุทธและ
                                                            ุ
                                                                     ั้
                                                                              ั
                                                                  ุ
                                                                                      ี
                                                      ํ
                                                                                                     
                                                               
                                                                       ี
                                                                     ี่
               การพิธีตาง ๆ หลายอยาง จะยกตัวอยางแตประเพณีการฟอนรําทมมาในสยามประเทศของเรานี้ ดังเชนในตํารา
                                                                                                     ั
                                              ู
                                                 ํ
                                                                                      ั
                          ึ่
                               ื
               คชศาสตร ซงนับถอวาเปนวิชาชนสงสาหรับการรณรงคสงครามแตโบราณ  ใครหดขี่ชางชนก็ตองหดฟอนรํา
                                           ั้
                                     
                                                                                          
                                                                                                        
               ใหเปนสงาราศดวยแมพระเจาแผนดินก็ตองฝกหด มตัวอยางมาจนถงรัชกาลท 5  เมอพระบาทสมเด็จฯ
                  
                    
                                                                                      ี่
                                             
                                                                                            ื่
                                                         
                                                                             ึ
                                                               ี
                                                            ั
                                   
                             ี
                        
                                                                                    
                             
                                                                                            
                                                                                                        ํ
                                            ึ
               พระจุลจอมเกลาเจาอยูหว ทรงศกษาวิชาคชศาสตรตอสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ เจาฟากรมพระยาบาราบ
                                     ั
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69