Page 68 - 25. art 11003
P. 68

58





               พื้นฐานความเปนมาของนาฏศิลปไทย

                                                                                            
                      นาฏศิลปมีรูปแบบการแสดงที่แตกตางกัน ทั้งที่เปนการแสดงในรูปแบบของการฟอนรําและการแสดง
               ในรูปแบบของละคร แตละประเภทจึงแตกตางกัน ดังนี้
                                                                                                   ั
                      1.  นาฏศิลปที่แสดงในรูปแบบของการฟอนรํา เกิดจากสัญชาตญาณดั้งเดิมของมนุษยหรือสตวทงหลาย
                                                                                                       ั้
               ในโลก เมื่อมีความสุขหรือความทุกขก็แสดงกิริยาอาการออกมาตามอารมณและความรูสกนั้น ๆ โดยแสดงออก
                                                                                         ึ
                                                 ี
                                                                                                       ิ
                                                                   
                                                                 ี่
                         
                                 ื่
               ดวยกิริยาทาทางเคลอนไหว มอ เทา สหนา และดวงตาทเปนไปตามธรรมชาติ รากฐานการเกิดนาฏศลปใน
                                          ื
                                                                                                          
                                              
               รูปแบบของการฟอนรําพัฒนาขึ้นมาเปนลําดับ  ดังนี้
                                                                                                        ื่
                          1.1  เพื่อใชเปนพิธีกรรมทางศาสนา มนุษยเชื่อวามีผูดลบันดาลใหเกิดความวิบัติตาง ๆ หรือเชอวาม ี
                                                                                
               ผูที่สามารถบันดาลความสําเร็จ ความเจริญรุงเรืองใหกับชีวิตของตน ซึ่งอาจเปนเทพเจาหรือปศาจตามความเชอ
                                                                                              
                                                                                                            ื่
               ของแตละคนจึงมีการเตนรําหรือฟอนรํา เพื่อเปนการออนวอนหรือบูชาตอผูที่ตนเชื่อวามีอํานาจดังกลาว
                              สมเด็จกรมพระยาดํารงราชานุภาพฯ ไดอธิบายในหนังสอตําราฟอนรําวา ชาติโบราณทกชนิด
                                                                                                       ุ
                                                                                    
                                                                             ื
                                 
                                        
                                                                              
                                                                                         ิ
                                                                                      
                                                                      ื
                                                 ี
                                                         ุ
                                                                                          ี
               ถอการเตนรําหรือฟอนรําเปนประจําชวิตของทกคน  และยังถอวาการฟอนรําเปนพธกรรมทางศาสนาดวย
                ื
               สําหรับประเทศอินเดียนั้นมีตําราฟอนรําฝกสอนมาแตโบราณกาล เรียกวา “คัมภีรนาฏศิลปศาสตร”
                                                       ํ
                                                                                              ู
                                              ู
                                                                                           ั้
                                                                                     
                                                                  
                          1.2  เพอใชในการตอสและการทาสงคราม เชน ตําราคชศาสตร เปนวิชาชนสง สาหรับการทา
                                ื่
                                                                                                            ํ
                                                                                                  ํ
                                    
                            ั
                                                                               
                                                          ั
                                                            
                                                                                            ี่
                                                                         
               สงครามในสมยโบราณ ผทจะทาสงครามบนหลงชางจําเปนตองฝกหดฟอนรําใหเปนทสงางามดวย แมแต
                                                                                         
                                                                                                          
                                                                   
                                                                                               
                                       ี่
                                           ํ
                                                                                       
                                      ู
                                                                            ั
               พระเจาแผนดินก็ตองทรงฝกหัดการฟอนรําบนหลังชางในการทําสงครามเชนกัน
                          1.3  เพื่อความสนุกสนานรื่นเริง การพักผอนหยอนใจเปนความตองการของมนุษย ในเวลาวางจาก
                                ิ่
                                          
                                       ํ
                    ํ
                                   ี่
               การทางานก็จะหาสงทจะทาใหตนและพรรคพวกไดรับความสนุกสนานเพลดเพลนคลายความเหน็ดเหนื่อย
                                                                                      ิ
                                                                                  ิ
               เนื่องจากการรองรําทําเพลงเปนธรรมชาติที่มีอยูในตัวของมนุษยทุกคน ดังนั้นจึงมีการรวมกลุมกันรองเพลงและ
                                                                                         ิ่
                                                                                                    ํ
                                                                                                
               รายรําไปตามความพอใจของพวกตน  ซึ่งอาจมีเนื้อรองที่มีสําเนียงภาษาของแตละทองถน และทวงทานองเพลง
                                                                                     
                                                                                
                                                               ั
                                                                                                ิ
                                                                                                  
               ที่เปนไปตามจังหวะประกอบทารายรําแบบงาย ๆ ซึ่งไดพฒนาตอมาจนเกิดเปนการแสดงนาฏศลปรูปแบบของ
               การฟอนรําของแตละทองถิ่นเรียกวา “รําพื้นเมือง”
                      2.  นาฏศิลปที่แสดงในรปแบบของละคร  มรากฐานมาจากความตองการของมนุษยทจะถายทอด
                                                              ี
                                                                                                   ี่
                                                                                                      
                                            ู
                                         ี่
               ประสบการณหรือเหตุการณทเกิดขึ้นเกี่ยวกับมนุษยทเปนความประทบใจ  ซงสมควรแกการจดจํา หรืออาจม   ี
                                                               
                                                                                 ึ่
                                                                           ั
                                                             ี่
                   ุ
                                                                     ี
                             ื่
               วัตถประสงคเพอประโยชนในการเผยแพรศาสนาและสอนศลธรรม  เพราะการสรางในรูปแบบของละคร
                     ี
               เปนวิธการที่งายตอความเขาใจแตยากที่จะใชการเผยแพรและอบรมสั่งสอนดวยวิธีการอื่น จึงมีการสรางเรื่องราว
                                             ั
                                   ั
                        ึ
                     ั
               หรือบนทกเหตุการณอนนาประทบใจและมคุณคานั้นไวเปนประวัติศาสตรในรูปแบบของการแสดงละคร
                                                                   
                                                      ี
               เพราะเชื่อวาการแสดงละครเปนวิธีหนึ่งของการสอนคติธรรม โดยบุคลาธษฐานในเชิงอุปมาอุปมัย
                                                                             ิ
                      อาจกลาวไดวารากฐานการเกิดของนาฏศลปไทยตามขอสนนิษฐานทไดกลาวมานั้นทงการแสดงใน
                                                                                  ี่
                                                                         ั
                                                             
                                                                                        
                                                                                                 ั้
                                                          ิ
                            
               รูปแบบของการฟอนรํา และการแสดงในรูปแบบของการละครไดพฒนาขึ้นตามลาดับ จนกลายเปนแบบแผน
                                                                                     ํ
                                                                                                   
                                                                         ั
               ของการแสดงนาฏศิลปไทยที่มีความเปนเอกลักษณเดนชัด
   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73