Page 233 - สอนสนุก สร้างสุข สไตล์สาธิตปทุมวัน เล่ม 4
P. 233
“Ê͹ʹء ÊÃéÒ§ÊØ¢ ÊäµÅìÊÒ¸Ôµ (»·ØÁÇѹ) àÅèÁ 4”
เรียบร้อยก็ใช้เวลาไปเกือบห้านาที หรือกิจกรรมของโรงเรียนที่ทำให้
ต้องเสียคาบเรียนไป ครูหลาย ๆ คนจึงต้องรีบสอนสอนเพื่อให้จบเนื้อหา
ตามที่กำหนดไว้ เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้สิ่งที่ถูกมองข้ามสิ่งแรกเลย คือ
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียนเพราะถูกมองว่าทำให้เสียเวลาอาจทำให้สอนไม่ทัน
ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด ข้าพเจ้าก็เคยเริ่มการสอนโดยที่ข้ามขั้นนำเข้าสู่
บทเรียน ผลปรากฏว่าเมื่อสอนไปสักพักสิ่งที่ข้าพเจ้าสังเกตเห็น คือนักเรียน
เริ่มเกิดการเรียนรู้ไม่พร้อมเพียงกัน นักเรียนที่มีผลการเรียนดีจะตั้งใจและ
เกิดการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่ม แต่กลับกันนักเรียนที่ไม่สนใจเรียนกว่าจะเกิด
การเรียนรู้นั้นเวลาผ่านไปห้าถึงแปดนาที ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องมี
การว่ากล่าวเพื่อให้หันมาสนใจเนื้อหาบทเรียนด้วย ดังนั้นแรงจูงใจจึงมี
ความสำคัญทั้งต่อนักเรียนและครูผู้สอนตั้งแต่เริ่มทำการสอน ดังที่โลเวลล์
(Lovell, 1980:109) ให้ความหมายของแรงจูงใจไว้ว่า “เป็นกระบวนการ
ที่ชักนำโน้มน้าวให้บุคคลเกิดความมานะพยายามเพื่อที่จะสนองตอบ
ความต้องการบางประการให้บรรลุผลสำเร็จ” หรือดังที่ไมเคิล คอมแจน
(Domjan 1996:199) อธิบายว่าการจูงใจไว้ว่าเป็นภาวะในการเพิ่มพฤติกรรม
การกระทำกิจกรรมของบุคคลโดยบุคคลจงใจกระทำพฤติกรรมนั้นเพื่อ
ให้บรรลุเปาหมายที่ต้องการ สรุปได้ก็คือการสร้างแรงจูงใจเป็นกระบวนการ
ที่บุคคลนั้นถูกกระตุ้นจากสิ่งเร้าโดยจงใจให้กระทำหรือดิ้นรนเพื่อให้เกิด
การบรรลุจุดประสงค์บางอย่างซึ่งจะเห็นได้จากพฤติกรรมที่เกิดจาก
การจูงใจเป็นพฤติกรรมที่มิใช่เป็นเพียงการตอบสนองสิ่งเร้าตามปกติ
ธรรมดา ซึ่งสิ่งเร้าจะกระตุ้นให้พฤติกรรมแสดงออกมาเป็นพิเศษเพื่อ
ความสำเร็จนั่นเอง

