Page 212 - สอนสนุก สร้างสุข สไตล์สาธิตปทุมวัน เล่ม 3
P. 212
210 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน
เดินไปเดินมาที่หน้าห้องของเรา นั่นแสดงว่านักเรียนผู้นั้นกำลังมีปัญหา
ที่เขาแก้ไม่ได้ และต้องการคำปรึกษาจากเรา” เราซึ่งเป็นครูในความ
รู้สึกของพวกเขาคือเราเป็นผู้รู้ในทุกเรื่องเพราะนักเรียนส่วนใหญ่
เห็นคุณครูเป็นเหมือนผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่จะแก้ปัญหาต่าง ๆ
ให้กับพวกเขาโดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเพื่อนและเรื่องความรัก
ซึ่งถือเป็นปัญหาพื้นฐานสำหรับนักเรียนที่อยู่ในวัยนี้ หน้าที่ของเรา
คือทำอย่างไรให้เขาดำเนินชีวิตไปในทิศทางที่ถูกต้องเราโดยเราต้อง
เป็นผู้ที่ให้ข้อคิด ชี้ให้เห็นผลดีและผลเสียที่จะเกิดตามมา
6. รู้จักสังเกตพฤติกรรมและอารมณ์ ในช่วงวัย
ของนักเรียนสิ่งหนึ่งที่เราจะสังเกตเห็นได้ค่อนข้างชัด คือพฤติกรรมที่
ค่อนข้างไปในทางเลียนแบบเพื่อนบางคนที่เขาคิดว่าดี หรือเห็น
พฤติกรรมบางอย่างที่เพื่อนทำแล้วไม่โดนดุ ก็จะกระทำบ้าง หรือบาง
ครั้งมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลซึ่งเหตุการณ์ที่
พบเห็นเสมอ คือ การที่นาย ก.เป็นเพื่อนกับนาย ข. และทราบมาว่า
นาย ก. กับนาย ค. ไม่ค่อยชอบหน้ากันเท่าไรนัก เมื่อไปได้ยิน
นาย ค.ว่า นาย ก. หน้าตาไม่ดี นาย ข.จึงนำเรื่องนี้ไปบอก
นาย ก. จนกลายเป็นเรื่องชกต่อยกัน หรือ กรณีที่เล่นกันในสนามบาส
แล้วมีเรื่องทะเลาะกันจนเป็นความขัดแย้งถึงขั้นลงมือกันก็มี หรือ
บางทีล้อชื่อแม่กันตอนแรกก็เห็นเล่นกันอยู่พักเดียวยืนดันกันกันมา
ทำท่าจะชกกันอีกแล้ว หรือบางครั้งการล้อเล่นกันก็นำมาซึ่งความขัดแย้ง
เช่นคำว่า “ตุ๊ด” คำนี้ก็เป็นปัญหาได้เหมือนกัน ครูต้องเป็นผู้ยุติปัญหา
เหล่านี้อย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่ไปสร้างการท้าทายหรือเข้าข้างฝ่ายใด
ฝ่ายหนึ่ง ทุกครั้งที่ตัวเองตัดสิน จะบอกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายว่าตอนเล่นกัน
ได้สังเกตอารมณ์ของเพื่อนหรือเปล่าว่าอยากเล่นกับเราหรือไม่ เราจะ
ยุติปัญหาโดยให้ทั้งสองฝ่ายขอโทษซึ่งกันและกัน รวมทั้งชี้ให้พวกเขา

