Page 619 - รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
P. 619

ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๘๔๐,๓๘๑.๒๕ บำท นับแต่วันถัดจำกวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่ำ

              จะช�ำระเสร็จแก่โจทก์

                       จ�ำเลยให้กำรว่ำ โครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน
                             ื
                       ั
                         ึ
              ซ่งโจทก์ต้งข้นเพ่อเป็นสวัสดิกำรให้แก่ลูกจ้ำง จึงอยู่ในอ�ำนำจของศำลแรงงำน จ�ำเลยไม่เคยได้
               ึ
              รับหนังสือบอกกล่ำวทวงถำม สิทธิเรียกร้องของโจทก์ขำดอำยุควำม ๒ ปี แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
                       ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแพ่งเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำ
              ของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย ตำม

              พระรำชบัญญัติจัดตั้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙ วรรคสอง

                                             ้
                                                            �
                                                ่
                                                   �
                            ั
                              ่
                         ิ
                                    ์
                        ิ
                                                                  ็
                                                                                            �
                                                                                   ์
                                                                                        ่
                                                                      ั
                       วนจฉยวำ โจทกบรรยำยฟองวำ จำเลยเคยทำงำนเปนพนกงำนของโจทก ระหวำงทำงำน
              จ�ำเลยเข้ำร่วมโครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน ซ่งโจทก์
                                                                                          ึ
                                ี
              ต้งข้นโดยพนักงำนท่เข้ำร่วมโครงกำรจะลงทุนทยอยซ้อหุ้นสำมัญหรือใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์
                  ึ
                                                           ื
               ั
                                                        ี
              ท่เกิดจำกหลักทรัพย์อ้ำงอิงของหุ้นบริษัทโจทก์ท่ซ้อขำยอยู่ในตลำดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
                ี
                                                         ื
              และโจทก์จะหักเงินเดือนของผู้เข้ำร่วมโครงกำรอัตรำร้อยละ ๒ ถึงร้อยละ ๑๐ ในแต่ละเดือน
              โดยโจทก์จะจ่ำยเงินสมทบอัตรำร้อยละ ๑๐๐ ของเงินลงทุนของผู้เข้ำร่วมโครงกำร โดยมีเงื่อนไข
                                                                                       ื
                                                                          ั
                   ื
              ว่ำเม่อพนักงำนท่เข้ำร่วมโครงกำรลำออกหรือถูกเลิกจ้ำงก่อนหุ้นท้งหมดจะครบเง่อนไขกำร
                              ี
              ถือครองหุ้น ผู้เข้ำร่วมโครงกำรจะต้องคืนเงินสมทบแก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน จ�ำเลยตกลงเข้ำร่วม
              โครงกำรดังกล่ำวและยอมให้โจทก์หักเงินเดือนอัตรำร้อยละ ๑๐ โจทก์ได้จ่ำยเงินสมทบอัตรำ
              ร้อยละ ๑๐๐ ของเงินลงทุนของจ�ำเลยมำโดยตลอด ต่อมำจ�ำเลยถูกเลิกจ้ำง จ�ำเลยต้องคืนเงิน
              สมทบ ๘๔๐,๓๘๑.๒๕ บำท แก่โจทก์ภำยใน ๗ วัน โจทก์ทวงถำมแล้วแต่จ�ำเลยเพิกเฉย ตำม
              ค�ำฟ้องโจทก์จึงเป็นกำรเรียกร้องให้จ�ำเลยซ่งเคยเป็นลูกจ้ำงโจทก์ช�ำระเงินสมทบคืนตำมบันทึก
                                                    ึ
              ข้อตกลงโครงกำรร่วมลงทุนระหว่ำงนำยจ้ำงและลูกจ้ำงของบริษัทจดทะเบียน ส�ำเนำเอกสำร
              ท้ำยค�ำฟ้องหมำยเลข ๕ ซึ่งเป็นโครงกำรที่โจทก์ผู้เป็นนำยจ้ำงตกลงจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นสวัสดิกำร
              หรือให้ประโยชน์แก่จ�ำเลยซ่งเป็นลูกจ้ำงเน่องจำกกำรจ้ำงอันถือว่ำเป็นส่วนหน่งของสัญญำ
                                                     ื
                                       ึ
                                                                                     ึ
                                                                                      ี
              จ้ำงแรงงำนระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลย คดีระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยจึงเป็นคดีพิพำทเก่ยวด้วยสิทธ  ิ
                        ี
              หรือหน้ำท่ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำน ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคด      ี
                                                                   ั
              แรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๘ (๑)
                       วินิจฉัยว่ำ คดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำพิพำกษำของศำลแรงงำน





                                                     591
   614   615   616   617   618   619   620   621   622   623   624