Page 113 - คู่มือนิเทศ
P. 113
32
2.1.4 แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบ
ู้
ผวิจัยได้ศึกษาหลักการแนวคิดเกี่ยวกับรูปแบบ และการพัฒนารูปแบบ ดังนี้
(1) ความหมายของรูปแบบ
ี่
้
์
ั
คาศพทในภาษาอังกฤษทใชเรียกรูปแบบมี 2 คา คอ Model และ Paradigm
ื
ซึ่งสงัด อุทรานันท (2530 : 11) ไดอธิบายว่า ทง 2 คานี้ น าไปใชแตกตางกัน โดยคาว่า Model
์
่
้
้
ั้
้
ิ่
่
์
้
ั
ี่
ิ
ใชกับทฤษฎีหรือสงทเกิดขึ้นครั้งแรก แตหากเป็นการน าไปประยุกตใช หรือดดแปลงจากของเดม
เรียกว่า Paradigm แต่ในปัจจุบันนิยมใช้ค าว่า Model ทั้งในกรณีทฤษฎีหรือสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งแรก และ
ในกรณีการน าไปประยุกต์ใช้ ค าว่ารูปแบบหรือ Model ตามพจนานุกรมของ Webster (1970 : 913)
่
ไดให้ความหมายแบ่งออกเป็น 4 ประการดวยกัน ไดแก่ 1) แบบจาลองทลอกเลยนแบบย่อสวนจาก
ี
้
้
้
ี่
วัตถุของจริง ตัวต้นแบบ รูปแบบแรกเริ่ม แบบสมมุต หุ่นจาลอง หุ่นขี้ผง 2) บุคคลหรือสงของทไดรับ
ี่
ิ่
้
ึ้
ิ
ี่
การยกย่องให้เป็นมาตรฐานของความยอดเยี่ยม 3) วิถีทางหรือแบบแผน 4) บุคคลทเป็นแบบให้แก่
่
้
ศลปิน ชางภาพ หรือนางแบบแสดงเครื่องแตงกาย คานี้ในภาษาไทยมีคาอื่น ๆ ทใชเรียกใน
่
ิ
ี่
่
ึ
ความหมายเดียวกันกับรูปแบบ เชน ต้นแบบ ตัวแบบ แบบจาลอง ซึ่งนักวิชาการทางการศกษาหลาย
ท่านได้อธิบายความหมายรูปแบบ ดังนี้
ั
รูปแบบ หมายถึง แผนผง แผนภูมิหรือหุ่นจาลอง ซึ่งมีลกษณะการจาลองสภาพ
ั
ความเป็นจริงของปรากฏการณ เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนขององค์ประกอบหรือปรากฏการณ ์
์
ั
์
้
ตาง ๆ เพื่อให้เข้าใจไดง่ายขึ้น (สงัด อุทรานันท (2530 : 11), วิชย วงษ์ใหญ่ (2537 : 41), Stoner,
่
ิ
ึ
ี่
Jame A. F. and Wankel, Charles. (1986 : 12) รูปแบบจงเป็นรูปธรรมทางความคดทเป็นนามธรรม
มีลักษณะเป็นโครงสร้างทางความคิด ที่แสดงองค์ประกอบและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบทสาคญ
ี่
ั
์
ึ
ี่
ิ่
ของสงทศกษา หรือสงทบุคคลใชในการหาคาตอบ ความรู้ และความเข้าใจในปรากฏการณตางๆ
ี่
่
้
ิ่
ี
วิจิตรา ปัญญาชัย (2543 : 74), ทิศนา แขมมณ (2545 : 1)
่
ี่
์
สรุปว่า รูปแบบหมายถึง โครงสร้างของความคดทแสดงองคประกอบตางๆ และ
ิ
ความสัมพันธ์ขององคประกอบเหลานั้น
์
่
(2) ประเภทของรูปแบบ
ิ
Keeves (1988, อ้างถึงใน วิจตรา ปัญญาชย 2543 : 74) จาแนกประเภท
ั
รูปแบบทางการศึกษาและสังคมศาสตร์ ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. รูปแบบเชิงเทียบเคียง (Analogue Model) เป็นรูปแบบที่ใช้ในการอุปมาอุปไมย
ิ
์
ี
ี่
ี
เทยบเคยง ในการอธิบายปรากฏการณทเป็นนามธรรม เพื่อสร้างความเข้าใจเชงรูปธรรม โดยใช ้
ี
ี
หลกการเทยบเคยงโครงสร้างของรูปแบบให้สอดคลองกับลกษณะข้อมูลหรือความรู้ทมีอยู่
ี่
ั
ั
้
ซึ่งองค์ประกอบของรูปแบบต้องมีความชัดเจน สามารถน าไปทดสอบข้อมูลเชิงประจักษ์ได ้
2. รูปแบบเชิงข้อความ (Semantic Model) เป็นรูปแบบที่ใช้ภาษาเป็นสื่อ
้
ในการบรรยาย หรืออธิบายปรากฏการณทศกษาดวยภาษา แผนภูมิ หรือรูปภาพ เพื่อให้เห็น
์
ี่
ึ
์
โครงสร้างทางความคิด องคประกอบและความสัมพันธ์ขององค์ประกอบของปรากฏการณ์นั้นๆ
3. รูปแบบเชิงคณิตศาสตร์ (Mathematical Model) เป็นรูปแบบที่ใช้สมการทาง
คณิตศาสตร์ แสดงความสัมพันธ์ของตัวประกอบหรือตัวแปร

