Page 34 - 02 รายงานวิชาการจังหวัดกระบี่2564
P. 34
- 12 -
ความสูงมากกว่า 300 เมตร อย่างไรก็ตามยังพบว่าพื้นที่ที่มีความลาดชันระหว่าง 21-40 องศา มีโอกาส
เกิดดินถล่มมากที่สุด (Lessing and others, 1983; Mehrotra and others, 1991) สำหรับในกรณีศึกษา
ที่บ้านกะทูนเหนือ อําเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช พบว่ารอยดินถล่มที่ได้จากการแปลภาพถ่าย
ทางอากาศ จำนวน 1,826 รอยดินถล่ม ส่วนมากร้อยละ 70 พบอยู่ในบริเวณที่มีความลาดชันระหว่าง
30 องศา ถึง 60 องศา (วรวุฒิ ตันติวนิช, 2535)
ความสูงของพื้นที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับการเกิดดินถล่ม เนื่องมาจากพื้นที่ที่มี
ื้
ื้
ความสูงมากย่อมมีการกัดเซาะพงทลายรุนแรง ตามหลักการของการปรับตัวของพนโลก พนที่ที่อยู่ในที่สูง
ั
ก็จะมีการกร่อน (erosion) มากตามไปด้วย เช่น การศึกษาได้จําแนกระดับความสูงต่ำของภูมิประเทศตาม
ระดับความรุนแรงที่เกิดดินถล่มเป็น 3 ระดับ คือ ระดับความรุนแรงที่เกิดดินถล่มต่ำ พบที่ระดับความสูง
น้อยกว่า 100 เมตร ระดับความรุนแรงที่เกิดดินถล่มปานกลาง พบที่ระดับความสูง 100-300 เมตร และ
ระดับความรุนแรงที่เกิดดินถล่มสูง พบที่ระดับความสูงมากกว่า 300 เมตร (Anbalagan, 1992)
อย่างไรก็ตามพื้นที่ที่สูงชันมาก เช่น หน้าผาหินส่วนใหญ่ประกอบด้วยชั้นหินมากกว่าชั้นดิน
จึงมีความคงทนมากกว่าบริเวณที่เป็นไหล่เขาหรือลาดเขา ดังตัวอย่างจากการศึกษาของศูนย์วิจัยป่าไม้
(2537) ได้รายงานผลการศึกษาการเกิดดินถล่มในพื้นที่ภาคใต้ว่า ตำแหน่งที่พบดินถล่มในระดับความสูง
ต่ำกว่า 200 เมตร พบเพียง 14 แห่ง ที่ระดับความสูง 200-500 เมตร พบ 1,050 แห่ง ระดับความสูง
500-800 เมตร พบ 744 แห่ง และระดับความสูงมากกว่า 800 เมตร พบน้อยลงโดยพบเพียง 187 แห่ง
เนื่องจากบริเวณที่ศึกษาที่ระดับความสูงขึ้นเป็นชั้นหินมากกว่าชั้นดิน
2.3.2 สภาพธรณีวิทยาและปฐพีวิทยา (Geology and Pedology)
สภาพธรณีวิทยาที่แตกต่างกันให้ชั้นดินต่างชนิดกัน และความหนาต่างกัน เช่น หินแกรนิต
แสดงลักษณะไม่มีความเป็นเนื้อเดียวกัน (heterogeneous) มีอัตราการผุพังสูง แร่ที่เป็นองค์ประกอบ
เมื่อผุพังแล้วจะให้ชั้นดินเป็นตะกอนทราย หรือตะกอนทรายปนดินเหนียว (วรวุฒิ ตันติวนิช, 2535)
ส่วนหินภูเขาไฟ มีอัตราการผุพังสูง และให้ชั้นดินทรายปนดินเหนียว หรือดินเหนียว ส่วนหินตะกอน เช่น
หินดินดาน หินโคลน เมื่อผุพังจะให้ชั้นดินเหนียวเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพื้นที่ที่มีลักษณะธรณีวิทยาเป็นหินแปร
เช่น หินชนวน (slate) หินควอร์ตไซต์ (quartzite) มีโอกาสเกิดดินถล่มได้ง่ายกว่าหินตะกอน
เช่น หินปูน หินโดโลไมต์ (limestone/dolomite) และหินทราย (Mehrotra and others, 1991)
นอกจากนี้การพิจารณาจากอัตราการผุพังอาจจะสามารถบ่งบอกถึงโอกาสเกิดดินถล่มได้ เช่น ปัจจัย
การผุพงสลายตัวของหินแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 หินมีการผุพงสลายตัวเร็วแต่โอกาสเกิดดินถล่มต่ำ
ั
ั
ได้แก่ หินควอร์ตไซต์ หินปูน หินแกรนิต หินแกบโบร และหินไนส์ กลุ่มที่ 2 หินมีการผุพังสลายตัว
ั
ปานกลาง มีโอกาสเกิดดินถล่มปานกลาง ได้แก่ หินดินดาน หินทรายแป้ง และกลุ่มที่ 3 หินมีการผุพง
สลายตัวช้าแต่มีโอกาสเกิดดินถล่มสูง ได้แก่ หินชนวน หินฟิลไลต์ และหินชิสต์ นอกจากนี้ยังพบว่าโครงสร้าง
ทางธรณีวิทยา มีผลต่ออัตราการผุพังของหิน โดยเฉพาะหินที่อยู่ในเขตรอยเลื่อน มีรอยแตก รอยแยกมาก
ส่งผลให้อัตราการผุพังสูงตามมาด้วย เนื่องจากมีช่องว่างให้น้ำและอากาศผ่านเข้าไปทำปฏิกิริยาทางเคมีได้
ง่ายขึ้น (Anbalagan, 1992)

