Page 58 - หนังสือกฐินวัดกัลยาณมิตร 5-10-2563
P. 58
ึ
ึ
�
ซ่งเป็นพระราชโอรสผู้ใหญ่ เชิญเสด็จข้นครองสิริราชสมบัติดารงราชอาณาจักรสยาม
ี
ั
พิภพต่อไป เสด็จประทับอยู่ในพระท่น่งจักรพรรดิพิมานฝ่ายเฉลียงด้านตะวันออก” (พระ
ราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๓ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ มหาโกษาธิบดี)
ี
การท่ท่ประชุมพระราชวงศ์และเสนาบดีมีความเห็นตรงกันว่าควรยกถวายราช
ี
ั
ุ
็
์
้
้
ั
้
่
้
ู
ิ
ั
่
ั
์
ิ
้
ึ
้
ั
่
ิ
สมบตแดพระองคกดวยในเวลานนกรงรตนโกสนทรยงตงขนไดไมสนาน ฝายปจจามตร
ั
�
ก็ยังมุ่งหมายทาลายล้างกรุงสยามอยู่มิขาด จึงเห็นพร้อมกันว่า ถ้าอัญเชิญพระเจ้าลูกยา
เธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ซึ่งมีพระชนมายุสมควร มีพระบารมีและเคยทรงบ�าเพ็ญ
พระราชกิจใหญ่น้อยท่วถึง ข้นครองราชย์สมบัติ จะเป็นการเหมาะสมท่สุดในบรรดา
ั
ึ
ี
พระบรมวงศานุวงศ์ (พระธรรมเทศนาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้า
อยู่หัว, ๒๔๘๑ : ๔๔)
ี
�
ในส่วนจดหมายเหตุของครอเฟิด ทูตท่ผู้สาเร็จราชการของอังกฤษทางอินเดียส่ง
มาติดต่อทางการทูตและพาณิชย์ในรัชกาลท่ ๒ น้น มีข้อความกล่าวถึงพระเจ้าลูกยาเธอ
ั
ี
กรมหม่นเจษฎาบดินทร์ “กรมเจษฎ์ ทรงเป็นเจ้านายท่ฉลาด หลักแหลมท่สุดในบรรดา
ี
ี
ื
เจ้านายขุนนางข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในราชส�านักสยาม”
อนึ่ง น่าสังเกตที่หลักฐานพระราชพงศาวดารกล่าวอย่างชัดเจนว่า ที่ประชุมพระ
ื
ราชวงศ์และเสนาบดีพร้อมใจกันอัญเชิญพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหม่นเจษฎาบดินทร์เสวย
ราชสมบัติโดยไม่มีผู้ใดคัดค้านเลย การท่จะกล่าวว่าทรงแย่งราชสมบัติไปจากสมเด็จ
ี
พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามงกุฎน้น จึงไม่มีหลักฐานปรากฏเป็นทางการแต่อย่างใด (พระ
ั
เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์, ๒๕๖๐ : ๑๔๐)
ดังนั้น เมื่อพระชนมพรรษาได้ ๓๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่
�
หัว ก็ทรงกระทาพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสืบราชสันตติวงศ์สนองพระมหากรุณาธิคุณ
สมเด็จพระบรมราชบุรพการี เป็นพระมหากษัตริย์ล�าดับที่ ๓ แห่งพระบรมราชวงศ์จักรี
เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๓๖๗
56
������������������������ 2563 ������������.indd 56 21/10/2563 BE 13:44

