Page 112 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 112
๙๑
๑) ลักษณะค าถามธรรมดา คือปัญหาที่ไม่มีความต่อเนื่อง ซึ่งพระเจ้ามิลินท์ตรัสถาม
ื่
พระนาคเสน จะเป็นค าถามเพอชี้ให้ตอบในประเด็นที่ไม่มีแง่สามารถตอบตามความเป็นจริงซึ่งในแต่
ละค าถามพรองค์แสดงถึงความเป็นผู้รอบรู้ในปัญหามีเชิงฉลาดเฉียบแหลมในการถาม
๒) ลักษณะการถามปัญหาที่มีเงื่อนเดียว เป็นการถามตอบปัญหาที่ว่าด้วยพระเจ้ามิ
ี
ลินท์ถามปัญหาที่มีแง่ความชับซ้อนของปัญหาเพยงแง่เดียวกับพระนาคเสน ลักษณะปัญหาที่มีแง่
ความซับซ้อนแง่เดียวเช่น พระยามิลินท์ตรัสถามว่า พระผู้เป็นเจ้า อะไรเล่าจะปฏิสนธิอก พระนาค
ี
ี
ุ
เสนทูลว่า คนที่ยังมีเชื้อแห่งกิเลส (อปาทาน) จะกลับมาปฏิสนธิอก แต่คนที่หมดเชื้อแห่งกเลสแล้วจะ
ิ
๓๔
ไม่กลับมาเกิดอีก
๓) ลักษณะการถามตอบปัญหาที่มีสองเงื่อน เป็นปัญหาที่ว่าด้วยพระเจ้ามิลินท์ถาม
ปัญหาที่มีแง่ความซับซ้อนของปัญหา ๒ แง่ ดุจเขาแกะ ซึ่งดูคล้ายจะขัดแย้งกันกับพระนาคเสน และ
พระนาคเสนก็ตอบปัญหาทุกข้อด้วยวิภัชชวาท คือแยกประเด็นตอบโดยใช้หลักวิภาษวิธี เช่น พระเจ้า
ื่
มิลินท์ตรัสถามเกี่ยวกับพระพทธเจ้าซึ่งเป็นผู้มีพระมหากรุณาแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อนและ
ุ
เป็นสัพพญญูผู้รู้ทุกสิ่งเหตุใดจึงบวชพระเทวทัต ผู้ซึ่งมีกรรมหนัก จะไม่เป็นการให้โอกาสพระเทวทัต
ั
ุ
ั
เข้ามาท าสังฆเภทหรือ แสดงว่าพระพทธเจ้าไม่ได้มีพระมหากรุณาและไม่เป็นพระสัพพญญูจริง
ประหนึ่งปัญหานี้จะมีความขัดแย้ง
๓๕
๒. การตอบ (วิสัชนา)ปัญหาของพระนาคเสน แบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะ ดังนี้
๑) การตอบปัญหาแบบวิภัชวาท คือตอบปัญหาแบบแยกแยะประเด็นปัญหาตอบทีละ
ประเด็น ส าหรับตอบแบบวิภัชวาท คือการรแยกตอบทีละปัญหา เช่น ในเทวทัตตปัพพาชิตปัญหาที่ว่า
การบวชให้พระเทวทัตของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีการถามปัญหา ๒ แง่ พระนาคเสนก็แยกตอบดังนี้
ุ
๑.๑) พระพทธเจ้าทรงให้พระเทวทัตบวช เพราะถ้าพระเทวทัตไม่ด้บวชจะท ากรรม
หนักมากกว่านี้จะตกนรกสืบต่อภพไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถ้าพระเทวทัตบวชแล้วถึงทาอนันตริยกรรมและตก
นรกก็จริง แต่ก็มีที่สิ้นสุดเพียงแค่กัปล์หนึ่งเท่านั้น
ุ
๑.๒) พระพทธเจ้าทรงทราบเหตุการณ์ต่าง ๆของพระเทวทัตที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ั
ุ
ด้วยพระสัพพญญุตญาณ จึงทรงให้พระเทวทัตบวช นั้นหมายถึงพระพทธเจ้าทรงเป็นพระสัพพญญุ
ั
๓๖
ญาณจริง
๓๔ มหามกุฏราชวิทยาลัย,มิลินทปัญหา ฉบับแปลในมหามงกุฏราชวิทยาลัย,หน้า๕๑.
๓๕ อ้างแล้ว.
๓๖ เรื่องเดียวกัน, หน้า๑๔๒.

