Page 31 - โครงการแชมพูสมุนไพร
P. 31
20
่
ี่
ี่
ทำหน้าที่กำหนดมูลคา เพื่อให้ผู้ซื้อตัดสินใจทจะซื้อสินค้าในมูลค่าทคุ้มหรือไม่คุ้มกับเงินที่เขาจะต้อง
ี
เสยไปราคาสินค้าบางแห่งก็กำหนดไว้แน่นอนตายตัว แต่บางแห่งก็ตั้งไว้เผื่อต่อ เพื่อให้ผู้ซื้อต่อรอง
้
ราคาได
7.1.2 กำหนดปริมาณสินคา ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันนั้นถ้าสินค้ามีราคาถูก ผู้ซื้อ
้
จะซื้อปริมาณมากขึ้นส่วนผู้ขายจะเสนอขายในปริมาณน้อยลง แต่ถ้าสินค้ามีราคาแพงผู้ซื้อจะซื้อ
ปริมาณน้อยลงส่วนผู้ขายจะขายในปริมาณมากขึ้น ราคาจึงเป็นตัวกำหนดปริมาณสินค้าที่จะซื้อขาย
กัน
7.1.3 กำหนดปริมาณการผลิตของผู้ประกอบการ ในระบบเศรษฐกิจแบบผสม ซึ่งการ
ผลิตส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเอกชนนั้น จะมีปัญหาว่าผู้ผลิตควรจะผลิตในปริมาณสักเท่าใดจึงจะพอดี
ู
กับความต้องการของผู้บริโภค เพื่อให้เขาได้กำไรสงสุดตามทต้องการ โดยสังเกตความต้องการซื้อ (อุป
ี่
ิ
สงค์) และความต้องการขาย (อุปทาน) ของสินค้าที่เราทำการผลตในระดบราคาตาง ๆ กันเพื่อหา
ั
่
ี่
ดุลยภาพ ซึ่งเป็นระดับที่ผู้ซื้อและผขายจะทำการซื้อขายกันในปริมาณและราคาที่ตรงกัน ปริมาณทมี
ู้
ุ
ุ
การซื้อขาย ณ จดดลยภาพ เรียกว่า ปริมาณดลยภาพ และผู้ซื้อมีความต้องการซื้อ ส่วนราคาที่ดลย
ุ
ุ
ภาพ เรียกว่า ราคาดุลยภาพ อันเป็นราคาทผู้ผลิตควรพิจารณาในการตั้งราคาขาย
ี่
7.2 กลไกราคา (price mechanism) หมายถึง ตัวกำหนดการจัดสรรทรัพยากรในระบบ
เศรษฐกิจทีมีปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคา คือ อุปสงค์ (demand) และอุปทาน (supply)
7.2.1 อุปสงค์ (Demand) คือ ปริมาณความต้องการซื้อสินค้าและบริการของผู้ซื้อใน
่
ระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาตาง ๆ กัน ความต้องการซื้อจะแตกต่างจากความต้องการทั่วไป
(want) แต่จะต้องรวมอำนาจซื้อ (purchasing power) คือ เต็มใจและมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายซื้อ
สินค้านั้นด้วย อย่างไรก็ตามปริมาณความต้องการซื้อนี้จะเปลี่ยนแปลงเมื่อมีปัจจัยกำหนดอุปสงค์ตัว
อื่น ๆ เปลี่ยนแปลงด้วย เช่น รายได้ของผู้ซื้อ รสนิยม ราคาสินค้าชนิดที่ใชทดแทนกันได้ เช่น เนื้อหมู
้
กับเนื้อไก่ เป็นต้น
7.2.1.1 กฎของอุปสงค์ (Law of Demand) หมายถึง ผู้บริโภคมีความต้องการ
ซื้อสินค้าและบริการในราคาต่ำ(ราคาถูก) ในปริมาณมากกว่าซื้อสินค้าในราคาสูง(ราคาแพง)
7.2.2 อุปทาน (supply) คือ ปริมาณความต้องการเสนอขายสินคาและบริการของ
้
่
ผู้ขายในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ ระดับราคาต่าง ๆ กันโดยผู้ขายเต็มใจจะขาย กล่าวคือ ถ้าราคาตำ
ปริมาณที่เสนอขายก็จะลดต่ำลงด้วย และในทางตรงกันข้าม หากระดับราคาสูงขึ้นก็จะมีปริมาณเสนอ
ขายเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตาม กฎของอุปทาน (Law of Supply) ปัจจัยที่ทำให้อุปทานเปลี่ยนแปลง เชน
่
ี่
การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีในการผลิต ราคาของปัจจัยทใช้ในการผลิตสินค้าและบริการ การ
เปลี่ยนแปลงฤดูกาล การคาดคะเนราคาสินคาและบริการของผู้ขาย
้
7.2.2.1 กฎของอุปทาน (Law of Supply) หมายถึง ผู้ผลิตมีความต้องการ
เสนอขายสินคาและบริการในราคาสินค้าและบริการที่สูง(ราคาแพง) ในปริมาณมากกว่าราคาสินคา
้
้

