Page 61 - หนังสือกฐินวัดโนนกุ่ม
P. 61
61
๑.“ความจริงงานทุกอย่าง ถ้าทำาด้วยน้ำาใจรัก ย่อมมีทางสำาเร็จได้ผลดี
เพื่อพบอุปสรรคใด ๆ อย่าเพิ่งท้อแท้จะหมดกำาลังใจง่าย ๆ จงตั้งใจทำาให้ดี คิดหา
ทางที่จะแก้ไขผ่อนคลายอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยเหตุผลและหลักวิชาไตร่ตรองด้วย
ความสุขุมรอบคอบและเยือกเย็น งานจะลุล่วงไปด้วยดี การทำางานด้วยน้ำาใจรัก
ต้องหวังผลงานเป็นสำาคัญ” (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ ๒๕ กรกฏาคม ๒๕๐๖)
๒.“อันการทำางานนั้น กล่าวโดยสรุป ขึ้นอยู่กับความสามารถสองอย่าง
เป็นสำาคัญคือ ความสามารถในการใช้วิชาการอย่างหนึ่ง กับ ความสามารถในการ
สัมพันธ์ติดต่อประสานงานกับผู้อื่น ไม่ว่าจะในวงงานเดียวกันหรือต่างวงงานกัน
อีกอย่างหนึ่ง ทั้งสองประการนี้ ย่อมดำาเนินควบคู่ไปด้วยกันและจำาเป็นที่จะต้อง
กระทำาด้วยจิตใจที่ใสสะอาด ปราศจากอคติ ต้องกระทำาด้วยความคิดเห็นที่อิสระ
เป็นกลาง ถูกต้องตามหลักเหตุผล จึงจะมีความกระจ่างแจ่มแจ้งเกิดขึ้น” (พระบรม
ราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญษบัตรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทร
วิโรฒ สงขลา วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๑๗)
สัมมาอาชีวะ คือการหาเลี้ยงชีพโดยชอบ หาให้พอเพียง พอประมาณ
เหมาะสมกับฐานะหรือเน้นคุณค่าที่เป็นอุดมคติในวิชาชีพ อีกทั้งรักษาจรรยา
บรรณวิชาชีพ เน้นการกระทำาที่หลีกเลี่ยงมิจฉาชีพ แต่ให้ประกอบสัมมาชีพอัน
สุจริต คือมีการนำาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการประกอบสัมมาชีพ ซึ่งเป็นความรู้
ที่ได้ศึกษามาในระดับใดก็ตามอย่างมีระบบ สามารถนำาเอาส่วนที่คิดว่าจะเป็น
อรรถประโยชน์แก่ตนเองและสังคมมากที่สุด รวมทั้งถูกต้องตามหลักศีลธรรมมาก
ที่สุดไปใช้ในการประกอบอาชีพของตนเอง ถือว่าเป็นการนำาหลักสัมมาอาชีวะไป
ใช้เป็นหลักธรรมาภิบาลในการประกอบสัมมาอาชีวะ และถือเป็นการได้ประโยชน์
ที่เป็นความรู้ ควบคู่กับประโยชน์ที่เป็นคุณธรรมหรือจริยธรรมเนื่องนำาปัญญา จาก
การศึกษาเล่าเรียนแล้วนำาไปประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพ อันเป็นหลักการ
ประกอบอาชีพที่ต้องอาศัยเงื่อนไขคือความรู้ และเงื่อนไขคุณธรรมจริยธรรมเป็น
ไปตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเรียกทางสายกลางนี้ว่าสัมมาอาชีวะ
มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล

