Page 34 - ฉบับที่ 100
P. 34

๓. Operational Art มีองคประกอบที่สําคัญอะไรบาง?

                                                        ั
                                                      ั
                                                        ้
                                                                 ่
                                                            
                                                           
                                              ู
                               ู
                             ิ
                          
                                              
                                            ี
                                        
                                                                 ี
                  ในความเปนจรงรปแบบของปญหามอยหลายระดบ ตงแตปญหาทมโครงสรางทด  ี
                                                                        
                                                                           ่
                                                                  ี
                                                                           ี
                                               
                                                
                                                                          
           (Well - Structured Problem) สามารถหาวธการแกปญหาไดงาย ไปจนถงปญหาทมโครงสราง
                                         ิ
                                          ี
                                                             ึ
                                                                    ่
                                                                     ี
                                                                    ี
                                                     
           ที่ซับซอน (Ill - Structured Problem) เขาใจไดยาก และผูเชี่ยวชาญอาจจะมีความเห็น
                                    ๓
                                      ึ
            ี
                                                       ี
                                                              ั
           ท่แตกตางสําหรับวิธีการแกปญหา  ซ่งปญหาท่มีโครงสรางท่ซับซอนน้น จําเปนท่จะตอง
                                                                      ี
                                             ี
                                                     ู
                                         ู
           ใชศิลปะ ทักษะ และประสบการณของผแกปญหาควบคไปกับหลักการในการวิเคราะห 
                                                       ื
                                                         ี
           หาปญหา และวิธีการแกปญหา เชนเดียวกับในการปฏิบัติการในพ้นท่สนามรบ ซ่งสภาพแวดลอม
                                                                 ึ
                                                                     ี
                                                                      ี
           ในการปฏิบัติการมีความซับซอนและยากในการวิเคราะหปญหา และปจจัยท่เก่ยวของ
                                                       ่
            
                                                
                                                  
                                                       ี
           ตาง ๆ ทมความเช่อมโยงเพอหาแนวทางการแกปญหาทสามารถบรรลวตถประสงค     
                                                                     ุ
                                                                  ุ
                                                                   ั
                  ี
                                 ื
                  ่
                   ี
                                 ่
                          ื
           ของการปฏิบัติการได ดวยเหตุดังกลาวจึงมีความจําเปนท่จะตองใช Operational Art ท่เปน
                                                                         ี
                                                   ี
           การใชกําลังทหารดวยศิลปะ ความชํานาญ จากความรประสบการณ ความคิดสรางสรรค
                                                   ู
                                             ื
               ู
           ของผบังคับบัญชา  และฝายเสนาธิการ  เพ่อใหบรรลุวัตถุประสงคทางยุทธศาสตร
                                                                
                                                              ื
                                                           ี
                                                          ิ
                                                                       ื
                                                              ่
                         
                                                                       ่
                     ํ
                           
           และสามารถนามาใชเปนสะพานเชอมระหวางยทธศาสตรและยทธวธ เพอใหมความเชอมโยง
                                                                 ี
                                         
                                   ่
                                   ื
                                                   
                                                       ุ
                                            ุ
           และไมเกิดระยะหาง ท้งน้ เพ่อใหงายตอการสรางความเขาใจสามารถแบง Operational Art
                           ั
                               ื
                             ี
                                  
           เปนองคประกอบตาง ๆ ได ๙ องคประกอบ ตามภาพองคประกอบของ Operational Art
           โดยองคประกอบตาง ๆ ฝายเสนาธิการจําเปนท่จะตองสรางความเขาใจในหลักการ
                                                ี
           จึงสามารถนําไปประยุกตใชไดอยางตรงความมุงหมายขององคประกอบนั้น ทั้งนี้ แตละองค
           ประกอบมีหลักการและรายละเอียดที่สําคัญดังตอไปนี้
                  วัตถุประสงค (Objective) จะเปนเปาหมายของการใชกําลังทางทหาร ซึ่งจะตอง
                                                                   ๔
                                                                         ั
                    ึ
           ถูกกําหนดข้นอยางชัดเจน และจะเปนตัวช้นําในทุกการปฏิบัติการทางทหาร  โดยท่วไป
                                          ี
           วัตถุประสงคจะแบงเปน ๓ ระดับ ประกอบดวย ระดับยุทธศาสตร ยุทธการ และยุทธวิธี
                                        ื
           ซ่งวัตถุประสงคในแตละระดับจะมีความเช่อมโยงตอกัน โดยวัตถุประสงคในระดับยุทธศาสตร 
            ึ
           จะสามารถเปนไดทั้งแบบนามธรรม และรูปธรรม ทั้งนี้ การกําหนดวัตถุประสงคจะมีความสัมพันธ
           กับเครื่องมือหรือกําลังทหารที่จะใชในการปฏิบัติการ วัตถุประสงคที่มีขอบเขตที่ใหญ จะทําให
           ตองใชเครื่องมือ หรือกําลังทหารที่มีขนาดใหญมากกวาการกําหนดวัตถุประสงคที่มีขอบเขต
           ที่เล็ก ๕
                  ปจจัยทางยุทธการ (Operational Factors) จะประกอบดวย ๓ ปจจัยที่สําคัญ
           ไดแก ปจจัยเวลา (Time) ปจจัยพื้นที่ (Space) และปจจัยกําลัง (Force) โดยในการปฏิบัติการ
           ทางทหาร ผูบังคับบัญชาหนวยรบจะตองรักษาสมดุลของปจจัยทั้ง ๓ ปจจัยใหคงอยูตลอด
                                                                           ั
           การปฏิบัติการ ซึ่งในระดับของสงครามที่สูงขึ้นก็จะยิ่งทําใหมีความจําเปนที่จะตองรักษาปจจย
                                                                         
           ¹ÒÇÔ¡Ò¸Ô»˜µÂÊÒÃ
      32 ¤Åѧ»˜ÞÞÒ ¾Ñ²¹Ò¼ÙŒ¹íÒ
   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38   39