Page 35 - ฉบับที่ 100
P. 35
๓. Operational Art มีองคประกอบที่สําคัญอะไรบาง? ทั้ง ๓ ปจจัยใหมีความสมดุลเพิ่มมากขึ้น อยางไรก็ตาม หากในการปฏิบัติการผูบังคับบัญชา
ั
ี
ี
ี
ู
้
ั
ี
ิ
ู
ี
่
ี
่
ั
ี
ในความเปนจรงรปแบบของปญหามอยหลายระดบ ตงแตปญหาทมโครงสรางทด ี หนวยรบไมสามารถท่จะรักษาสมดุลของท้ง ๓ ปจจัยน้ได ก็จะทําใหเกิดความเส่ยง
ี
ื
ั
ี
ี
่
ึ
ี
(Well - Structured Problem) สามารถหาวธการแกปญหาไดงาย ไปจนถงปญหาทมโครงสราง ตอการปฏิบัติการในอนาคต ท้งน้ ปจจัยพ้นท่และปจจัยกําลังจะเปนปจจัยท่มีลักษณะ
ี
ิ
ี
ี
ุ
่
ั
ั
ี
ี
่
ี
ั
ี
่
่
ที่ซับซอน (Ill - Structured Problem) เขาใจไดยาก และผูเชี่ยวชาญอาจจะมีความเห็น คอนขางจะคงท (Relative Fixed) แตปจจยเวลาจะเปนปจจยทมคณลกษณะทเปลยนแปลง
ึ
๓
ี
ี
ี
ท่แตกตางสําหรับวิธีการแกปญหา ซ่งปญหาท่มีโครงสรางท่ซับซอนน้น จําเปนท่จะตอง ไดงาย (Changeable) และไมสามารถสรางข้น (Regenerated) หรือนํากลับมาไดใหม
ั
ึ
ี
๖
ู
ใชศิลปะ ทักษะ และประสบการณของผแกปญหาควบคไปกับหลักการในการวิเคราะห ซึ่งแตกตางจากปจจัยพื้นที่และปจจัยกําลัง
ู
ี
ึ
หาปญหา และวิธีการแกปญหา เชนเดียวกับในการปฏิบัติการในพ้นท่สนามรบ ซ่งสภาพแวดลอม ฟงกชนระดบยทธการ (Operational Functions) เม่อมีการสงกําลังทหาร
ั
ุ
ื
ั
่
ื
ในการปฏิบัติการมีความซับซอนและยากในการวิเคราะหปญหา และปจจัยท่เก่ยวของ ไปปฏิบัติการในพื้นที่การรบตาง ๆ จําเปนที่จะตองมีโครงสรางและกิจกรรมตาง ๆ ที่จะนํา
ี
ี
ุ
ั
ื
ตาง ๆ ทมความเช่อมโยงเพอหาแนวทางการแกปญหาทสามารถบรรลวตถประสงค มาใชในการสนับสนุนการปฏิบัติการนั้น ๆ โดยโครงสรางและกิจกรรมท่จะเกิดข้นสามารถ
ึ
ุ
่
ื
ี
่
่
ี
ี
ี
ี
ี
ของการปฏิบัติการได ดวยเหตุดังกลาวจึงมีความจําเปนท่จะตองใช Operational Art ท่เปน ถูกเรียกแทนดวยคําวา “ฟงกชั่น (Function)” ซึ่งโดยพื้นฐานแลว สามารถจําแนกฟงกชั่น
ู
การใชกําลังทหารดวยศิลปะ ความชํานาญ จากความรประสบการณ ความคิดสรางสรรค ที่สําคัญโดยแบงออกเปน ๖ กลุม ไดแก การสั่งการและควบคุม (Command and Control)
ื
ู
ของผบังคับบัญชา และฝายเสนาธิการ เพ่อใหบรรลุวัตถุประสงคทางยุทธศาสตร การขาวกรอง (Intelligence) อํานาจการยิง (Fires) การปองกัน (Protection) การดํารง
ุ
่
ํ
ื
ี
ิ
ี
ื
่
ื
่
และสามารถนามาใชเปนสะพานเชอมระหวางยทธศาสตรและยทธวธ เพอใหมความเชอมโยง ความตอเนื่องในการรบ (Sustainment) และการเคลื่อนยาย และดําเนินกลยุทธ (Movement
ุ
ั
ี
ื
และไมเกิดระยะหาง ท้งน้ เพ่อใหงายตอการสรางความเขาใจสามารถแบง Operational Art and Maneuver) โดยในการปฏิบัติการ ฝายเสนาธิการจะตองพิจารณากิจของแตละฟงกช่น
ั
เปนองคประกอบตาง ๆ ได ๙ องคประกอบ ตามภาพองคประกอบของ Operational Art รวมทั้งจะตองพิจารณาความสัมพันธระหวางฟงกชั่นใหมีความสอดคลองกันในปฏิบัติการ ๗
โดยองคประกอบตาง ๆ ฝายเสนาธิการจําเปนท่จะตองสรางความเขาใจในหลักการ หลักการสงคราม (Principles of War) เปนหลักการท่จะนํามาประยุกตใช
ี
ี
จึงสามารถนําไปประยุกตใชไดอยางตรงความมุงหมายขององคประกอบนั้น ทั้งนี้ แตละองค ในการวางแผนการรบของฝายเสนาธิการและประยุกตใชในการตัดสินใจของผบังคับบัญชา
ู
ประกอบมีหลักการและรายละเอียดที่สําคัญดังตอไปนี้ ของหนวยกําลัง ซ่งการนําหลักการสงครามมาประยุกตใชใหเกิดประสิทธิภาพ
ึ
วัตถุประสงค (Objective) จะเปนเปาหมายของการใชกําลังทางทหาร ซึ่งจะตอง และประสิทธิผล การรบจะข้นอยกับศิลปะ ทักษะ ความร และประสบการณของฝายเสนาธิการ
ู
ึ
ู
๔
ึ
ถูกกําหนดข้นอยางชัดเจน และจะเปนตัวช้นําในทุกการปฏิบัติการทางทหาร โดยท่วไป หรือผูบังคับบัญชาหนวยกําลังรบ สําหรับกองทัพไทยมีหลักสงครามที่สําคัญ ๑๐ ขอ ไดแก
ี
ั
ุ
วัตถุประสงคจะแบงเปน ๓ ระดับ ประกอบดวย ระดับยุทธศาสตร ยุทธการ และยุทธวิธี ความมงหมาย การรุก การรวมกําลัง การออมกําลัง การดําเนินกลยุทธ เอกภาพในการ
ึ
ื
ซ่งวัตถุประสงคในแตละระดับจะมีความเช่อมโยงตอกัน โดยวัตถุประสงคในระดับยุทธศาสตร บังคับบัญชา การระวังปองกัน การจูโจม ความงาย และการตอสูเบ็ดเสร็จ ๘
จะสามารถเปนไดทั้งแบบนามธรรม และรูปธรรม ทั้งนี้ การกําหนดวัตถุประสงคจะมีความสัมพันธ การวิเคราะหจุดศูนยดุล (COG Analysis) ตามแนวคิดของ Clausewitz
กับเครื่องมือหรือกําลังทหารที่จะใชในการปฏิบัติการ วัตถุประสงคที่มีขอบเขตที่ใหญ จะทําให จุดศูนยดุลจะหมายถึงศูนยรวมของพลังงานและความเคล่อนไหวท้งมวล
ั
ื
ตองใชเครื่องมือ หรือกําลังทหารที่มีขนาดใหญมากกวาการกําหนดวัตถุประสงคที่มีขอบเขต (The Hub of All Power and Movement) ซ่งการหาจุดศูนยดุลของฝายเราและฝายขาศึก
๙
ึ
ที่เล็ก ๕ โดยปกตจะเรยกวา “การระบุจุดศูนยดุล (COG Identifi cation : COG ID)” ท้งน้การที ่
ี
ั
ี
ิ
ปจจัยทางยุทธการ (Operational Factors) จะประกอบดวย ๓ ปจจัยที่สําคัญ จุดศูนยดุลจะดํารงอยไดจะตองมีองคประกอบวิกฤต (Critical Factor) มาสนบสนน
ู
ั
ุ
ไดแก ปจจัยเวลา (Time) ปจจัยพื้นที่ (Space) และปจจัยกําลัง (Force) โดยในการปฏิบัติการ ซ่งไดแก ขีดความสามารถวิกฤต (Critical Capability : CC) ความตองการวกฤต (Critical
ึ
ิ
ทางทหาร ผูบังคับบัญชาหนวยรบจะตองรักษาสมดุลของปจจัยทั้ง ๓ ปจจัยใหคงอยูตลอด
การปฏิบัติการ ซึ่งในระดับของสงครามที่สูงขึ้นก็จะยิ่งทําใหมีความจําเปนที่จะตองรักษาปจจย
ั
¹ÒÇÔ¡Ò¸Ô»˜µÂÊÒà ¹ÒÇÔ¡Ò¸Ô»˜µÂÊÒÃ
32 ¤Åѧ»˜ÞÞÒ ¾Ñ²¹Ò¼ÙŒ¹íÒ ¤Åѧ»˜ÞÞÒ ¾Ñ²¹Ò¼ÙŒ¹íÒ 33

