Page 58 - รายวิชาภาษาไทย(พท31001)
P. 58

58 | ห น า



                                                                                                  ํ
                                   ั
               องกับขอความที่อาน  ดงนั้นจึงตองอาศัยการใชเหตุผลและความรอบคอบในการพิจารณาทั้งถอยคาและ
                                          ี
               สิ่งแวดลอมทั้งหมดที่ผูอานจะตความสารใดๆ  ไดกวางหรือแคบ  ลึกหรือตื้นขนาดไหน  ยอมขึ้นอยูกับ
                                 ั
               ประสบการณสวนตวและความเฉียบแหลมของวิจารณญาณ  เปนการอานที่ผูอานพยายามเขาใจความ
                                                                                                   
                                                     
                                                   
                                           
                            
                                    
               หมายในสิ่งที่ผูเขียนมิไดกลาวไวโดยตรง ผูอานพยายามสรุปลงความเห็นจากรายละเอียดของเรื่องที่อาน
                                                       ิ
                               ี
                                                               ุ
                                                                              ี
                       การอานตความนั้น    ผูอานจะตองคดหาเหตผล   เขาใจผูเขยน   รูวัตถุประสงครูภาษา
               ที่ผูเขียนใชทั้งความหมายตรงและความหมายแฝง  อนึ่งขอความทั้งรอยแกวและรอยกรองบางบท  มิไดมี
                  
               ความหมายตรงอยางเดียวแตมีความหมายแฝงซอนเรนอยู  ผูอานตองแปลความกอนแลวจึงตีความใหเขา
               ใจความหมายที่แฝงอยู  
                       สารที่เราอานอยูนี้มี 2 ประเภท คอ ประเภทรอยแกวและประเภทรองกรอง ดงนั้น การตความจึง
                                                                                       ั
                                                                                                ี
                                                  ื
               มีการตีความทั้งสารประเภทรอยแกวและประเภทรอยกรอง
                                                         
                                        
                                                  
                       ตัวอยางการตีความสารประเภทรอยกรอง
                                  ี
                             “นาคมีพิษเพี้ยง            สุริโย
                         เลื้อยบทําเดโช                แชมชา
                              
                         พิษนอยหยิ่งยโส                 แมลงปอง
                                                             
                                     
                         ชูแตหางเองอา                   อวดอางฤทธี”
                             
                                         ิ
                             (โคลงโลกนิต)
                       โคลงบทนี้กลาวถึงสัตว  2  ชนิด  ที่มีลักษณะแตกตางกัน    เปรียบเสมือนคน  2  จําพวก
               พวกแรกมีอํานาจหรือมีความสามารถแตไมแสดงออกเมื่อยังไมถึงเวลาอันสมควร  สวนพวกที่ 2 มีอานาจ
                                                 
                                                                                                   ํ
                                     
                                                                            ํ
               หรือความสามารถนอยแตอวดด กวียกยอง จําพวกแรก เหยียดหยามคนจาพวกหลัง โดยสังเกตจากการใช
                                          ี
                                
               ถอยคา เชน ชูหางบาง พิษนอยบาง ฉะนั้น ควรเอาอยางคนจาพวกแรก คอมีอานาจมีความสามารถแตไม
                    ํ
                                                                  ํ
                                                                                ํ
                                                                            ื
               แสดงออกเมื่อยังไมถึงเวลาอันสมควร
                 
               ขอปฏิบัตในการอานตีความ
                              
                       ิ
                       1.  อานเรื่องใหละเอียดแลวพยายามจับประเด็นสําคัญของขอเขียนใหได  
                                                                                
                                                                        
                           
                                    
                                                 ุ
                       2.  ขณะอานพยายามคดหาเหตผล    และใครครวญอยางรอบคอบ    แลวนํามาประมวลเขากับ
                                          ิ
                                
                              
               ความคิดของตนวาขอความนั้นๆ หมายถึงสิ่งใด
                       3.  พยายามทําความเขาใจกับถอยคาบางคาที่เห็นวามีความสําคญรวมทั้งสภาพแวดลอมหรือ
                                                           ํ
                                                     ํ
                                                                              ั
                                          
               บริบทเพื่อกําหนดความหมายใหชัดเจนยิ่งขึ้น
                       4.  การเรียบเรียงถอยคําที่ไดมาจากการตีความ  จะตองมีความหมายชัดเจน
                                                                  
                                              
                                                             ํ
                       5.  พึงระลึกวาการตีความมิใชการถอดคาประพันธ         ซึ่งตองเก็บความหมายของ
               บทประพันธนั้นๆ  มาเรียบเรียงเปนรอยแกวใหครบทั้งคา  และขอความ  การตความนั้นเปนการจับเอาแต
                                                                                 ี
                                                              ํ
                                              
                                                                     
               ใจความสําคัญ  การตีความจะตองใชความรความคิดอันมีเหตุผลเปนประการสําคัญ
                                                   
                                         
                                                   ู
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63