Page 56 - รายวิชาภาษาไทย(พท31001)
P. 56

56 | ห น า



                                                
                       3.  ประเมินคาของเรื่อง  เมื่ออานและวิเคราะหแยกแยะเรื่องแลวนํามาประเมินคาวาสิ่งใดเท็จ สิ่ง
                                  
                            
                                
                                              
                                                                               
                                                              
                                                  
               ใดจริง สิ่งใดมีคาไมมีคา  มีประโยชนในดานใด  นําไปใชกับใครเมื่อไรและอยางไร
                                                                                         ิ
                       4.  นําเรื่องที่อานไปใช    หลังจากผานขั้นตอนของการอาน  ทําความเขาใจ  วเคราะหและประ
                                                                                   ิ
                                                                                ํ
               เมินคาแลวตองนําไปใชไดทั้งในการถายทอดใหผูอื่น  และนําไปใชในการดาเนนชีวิตไดอยางเหมาะสม
               กับกาลเทศะและบุคคล
                               
                       หลักการอานอยางใชวิจารณญาณ
                                    
                       1.  พิจารณาความถูกตองของภาษาที่อาน เชน ดานความหมาย การวางตาแหนงคา การเวนวรรค
                                                                                          ํ
                                                                                   ํ
                                         
               ตอน  ความผิดพลาดดังกลาวจะทําใหการสื่อความหมายผิดไป
                                               
                       2.  พิจารณาความตอเนื่องของประโยความีเหตผลรับกันดหรือไม    โดยอาศัยความรูดาน
                                                                         ี
                                                                ุ
                                                                        ี
                                                                              ั
                                 
                            
               ตรรกวิทยาเขาชวย  ขอความจากประโยคจะตองไมขดแยงกัน  หรือเรยงลําดบไมสับสนวุนวายจนอานไมรู
                          
                                                          ั
                                                                                                 
                                                    
               เรื่องหรืออานเสียเวลาเปลา
                                    
                        
                       3.  พิจารณาดความตอเนื่องของเรื่องราวระหวางเรื่องที่เปนแกนหลักหรือแกนนํากับแกนรอง
                                  ู
                                                ี
               และสวนประกอบอื่น ๆ กลมกลืนกันดหรือเปลา
                                                                     
                                     
                       4.  รูจักแยกแยะขอเท็จจริงออกจากเรื่องการแสดงความรและขอคดเห็นของผูแตง  เพอจะไดนามา
                                                                                                    ํ
                                                                     ู
                                                                                                  
                                                                                        
                           
                                                                                             ื่
                                                                          
                                                                            ิ
                                
               พิจารณาภายหลังไดถูกตองใกลเคียงความเปนจริงยิ่งขึ้น
                                                          
                                                   
                                                                            
                                                                                            
                                                                                                      
                       5.  พิจารณาความร  เนื้อหา  ตัวอยางที่ได  วามีสวนสัมพันธกันอยางเหมาะสมหรือไมเพียงใด  เปน
                                      ู
                                                              
                                                                       
                           ิ
                     ู
                                 ั
               ความรความคด    ตวอยางที่แปลกใหมหรืออางอิงมาจากไหน    นาสนใจเพียงใด    จากนั้นควรทําการ
               ประเมินผลโดยทั่วไปวาผลจากการอานจะทําใหเกิดความรูความคิดมากนอยเพียงใด  โดยเฉพาะอยางยิ่ง
                                                                                
                         
               ความคิดสรางสรรคที่ผูอานประสงคหรือปรารถนาจะไดจากการอานนั้นๆ อยูเสมอ
                                              
                                   
                                
                                     ิ
                       การอานอยางมีวจารณญาณไมใชสิ่งที่ทําไดงายๆ  ผูกระทําจะตองหมั่นฝกหัด  สังเกต  จํา  และ
                      ุ
               ปรบปรงการอานอยูเสมอ  แรกๆ อาจรูสึกเปนภาระหนักและนาเบื่อหนาย  แตถาไดกระทําเปนประจําเป
                  ั
                                              
                                                                       ุ
               นนิสัยแลวจะทําใหความลําบากดังกลาวหายไป ผลรับที่เกิดขึ้นนั้นคมคายิ่ง
                                                                          
                               
                       

               กิจกรรมที่  1
                                                                    ิ
                       ใหผูเรียนอานขาว  บทความ  หรือขอความ  และใชวจารณญาณในการอานตามขั้นตอนทั้ง  4
               ขั้นตอน และประเมินตนเองวา  สามารถทําไดครบทุกขั้นตอนหรือไม  และเมื่อประเมินแลวรูสึกสนใจ
                           
               เรื่องของการอานเพิ่มขึ้นหรือไม
   51   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61