Page 319 - สาราสารกถา พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี.
P. 319
276
สาราสารกถา
ประเภทท่ ๒ เหมือนกับบัวท่กาลังปร่มจะพ้นนา ท่าน
ี
ี
้
�
�
ิ
เรียกว่า วิปจิตัญญู
วิปจิตัญญูน่ต้องอธิบายเอาเหตุเอาผลมาประกอบ จึง
ี
เข้าใจ เรียกว่าวิปจิตัญญู
่
ี
็
ี
ุ
ุ
ประเภทท ๓ กจะต้องเอาอปมาอปไมยมาเปรยบให้ฟัง
มันจึงจะเข้าใจ เรียกว่าเนยยะ
ี
ประเภทท่ ๔ ก็จะต้องเอานิทาน เอาชาดกมาเล่าให้ฟัง
�
ให้จาธรรมะไว้ในรูปของนิทาน ในรูปของชาดก เรียกว่าปทะปรมะ
น่คน ๔ จาพวก แยกแยะให้เห็น พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า
�
ี
ประเภทท่ ๑ เหมือนบัวพ้นนา พอต้องแสงอาทิตย์ก็บาน
้
ี
�
ทันที
้
�
ี
้
ประเภทท ๒ พร่งนจะพ้นนา ใช่ไหม? ค่อยๆ อธบาย
ิ
่
ุ
ี
�
้
เหตุอธิบายผลไป พอเข้าใจเหตุผล ก็เหมือนกับพ้นนา ก็บานทันท ี
ี
ประเภทท่ ๓ ยังอยู่ใต้นา ต้องวันมะรืนจึงจะโผล่พ้นน�า
้
�
้
ี
พวกน้จะอธิบายธรรมะให้เข้าใจ ต้องหาอุปมาอุปไมยเอามา
ิ
ั
เปรียบเทียบกัน ต้องเปรียบเทียบอย่างน้น เอาส่งของ ๒ อย่าง
มาเปรียบเทียบกัน จึงจะเข้าใจ เช่น เราจะพูดว่า ให้ทานเป็น
ของดี ใช่ไหม?
ี
ี
เออ! คนท่เป็นอุคติตัญญู พอบอกว่าให้ทานน่มันดี พูด
ี
เท่าน้เข้าใจเลย พวกเราเข้าใจไหม? (เข้าใจครับ) เออ! เข้าใจ

