Page 7 - ประวัติศาสตร์การสงคราม บทที่ 6-9
P. 7
7
สถานการณ์ต้นปี พ.ศ. 2486 นับว่าภารกิจของกองทัพพายัพสำเร็จลุล่วงไปตามแผนทุกประการงาน
ั
้
ั
ี่
้
ึ
้
ั
ี
ี่
ี่
ขั้นต่อไปไดแก่การยึดรักษาชานสเตทไว้มิให้ข้าศกตโต้กลบคืนได กองทัพพายัพไดสบเปลยนกำลงทรักษาพื้นทนี้
ึ
ไว้หลายครั้งด้วยกันตามลำดับดังนี้ หลังจาก พล.4 และ พล.ม. สามารถยึดที่มั่นสำคัญบนเขากิ่วทรายของข้าศก
ี่
ั
ี่
ั
แล้ว พล.2 จากจังหวัดเชียงใหม่ขึ้นมาสบเปลยนรักษาชานสเตทแทน ต่อมาได้มีการสบเปลยนอีกครั้งหนึ่งเป็น
ครั้งสุดท้าย คือ พล.3 หลังจากได้พักฟื้นในเขตหลังเป็นเวลาหนึ่งปีกับสองเดือนได้ขึ้นไปสับเปลี่ยน พล.2 เมื่อต้น
ปี พ.ศ.2487 และยึดรักษาพื้นที่ไว้ตลอดสงครามได้สงบลง การปฏิบัติการยึดรักษาพื้นที่ชานสเตทนี้คงมี
เหตุการณ์รบเกิดขึ้นอย่างประปราย ส่วนใหญ่เป็นกองปฏิบัติการลาดตะเวนเพื่อหาข่าว และการแย่งภูมิประเทศ
ั
ที่มีความสำคัญทางยุทธวิธี การรบเหล่านี้ถ้าจะพิจารณาถึงความสำคัญในระดับของกองทัพแล้ว ก็ไม่สำคญมาก
ั
นัก แต่ก็เป็นงานหนักสำหรับหน่วยรอง ๆ ลงมาเช่น กองพัน กองร้อย และหมวด ตลอดระยะเวลาที่กำลง
่
ี่
ส่วนใหญ่ พล.3 ยึดครองพื้นท ชานสเตทอยู่ตั้งแต ม.ค.2487 ถึง พ.ค. 2488 เฉลี่ยเหตุการณ์รบย่อย ๆ แลว
้
สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ผลการรบในระยะนี้สรุปแล้ว พล.3 ได้ปฏิบัติงานได้ผลดีเพราะหน่วยทหารมีความชำนาญ
ภูมิประเทศดียิ่งขึ้น และคุ้นต่อการปฏิบัติการรบในป่าได้แก้ไขข้อบกพร่องจากการในปีก่อน ๆ ให้หมดไป
ประกอบกับได้แก้ไขการจัดกำลังเสียใหม่ ให้มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น กล่าวคือลดกำลังพลของกองพัน ร. ให้
น้อยลง เป็นต้นว่าแต่เดิม ร้อย 4 ซึ้งเป็นกองร้อยอาวุธหนักมีปืนกลหนักถึง 12 กระบอกซึ่งต้องใช้ทหาร
ประมาณ 300 คนได้ลดลงมา 6 กระบอก ใช้ทหารเพียงร้อยกว่าคน ความจริง ปก.หนักแบบนี้มีน้ำหนักมาก
เกินไป เหมาะแก่การรบบนพื้นที่ราบเท่านั้น นอกจากนั้นปืนใหญ่ทหารราบแบบ 77 เราก็เลิกใช้เพราะหนัก
เกินไปลากขึ้นเขาไม่ไหวใช้เฉพาะปืนใหญ่แบบ 49 (เป็น ป. ของเหล่า ป. สั่งใช้ราชการในปี พ.ศ.2449 ไม่มี
เครื่องรับแรงสะทอนถอยหลังยิงด้วยวิธีเล็งตรง)
้
ปัญหาอันยิ่งใหญ่ที่เผชิญหน้ากองทัพพายัพในระยะนี้มิใช้การกระทำของข้าศึกแต่อยู่ที่สุขภาพของ
ทหารทหารเป็นไข้มาลาเรียทุกคน คนไหนเป็นมากก็นอนป่วยในแนวสนามเพราะบนยอดเขาสูง คนไหน
์
ป่วยน้อยก็ทำการรบต่อไปเมื่อมีเหตุการณเนื่องจากการขาดแคลนยารักษา ประกอบกับการส่งกำลังไม่ด ี
่
โดยเฉพาะในฤดูฝนใช้ยานพาหนะไม่ได้ จำนวนทหารที่ถึงแก่กรรมเพราะไข้มาลาเรียได้ทวีสูงขึ้นอย่างไม่มีทาท ี
จะลดลงได ้
ระหว่างที่ พล.3 ยึดครองชานสเตทในระยะหลังนี้ ได้รับคำสั่งจากกองทัพพายัพให้ติดต่อกับ พล.93 จีน
้
อย่างลับ ๆ เพื่อวางแผนร่วมกันต่อต้านญี่ปุ่นตามนโยบาย จอมพล ป.พิบูลสงคราม พล.3 และ พล.93 จีนไดทำ
การติดต่อกันหลายครั้งแต่ไม่ทันที่จะตกลงกันอย่างแน่ชัดสงครามยุติลงเสียก่อน การปฏิบัติการถอนตัวของ
็
พล.3 ออกจากชานสเตทในระยะหลังก่อนสงครามสงบลงเลกน้อยเป็นการปฏิบัติทลำบากยิ่ง เพราะในขณะนั้น
ี่
ญี่ปุ่นแสดงความไม่เป็นมิตรแก่ไทย ญี่ปุ่นได้ส่งกำลังไปคุมเชิงด้านหลังของหน่วยของไทยทุกจุดไม่ว่าแนวหน้า
หรือแนวหลัง พล.3 ต้องเป็นห่วงทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ข้างหน้ากำลังสัมพันธมิตรอันมีกำลังหน่วยรบพิเศษ
ของอังกฤษกับจีนร่วมกันออกตีโต้ทางตรงหน้า และตัดเส้นทางถอยทางด้านตะวันตก เพราะในขณะนี้กองทัพ
ญี่ปุ่นได้ถอยร่นจากภาคเหนือของพม่าแล้วทำให้ปีกซ้ายของกองทัพพายัพเปิดว่างทางดานหลังของหน่วยทหาร
้
ไทยทกหน่วยมีกำลังของญี่ปุ่นคุมเชิงอยู่ ฉะนั้นเราต้องวางแผนอย่างรอบคอบในการสู้พลางถอยพลาง จน
ุ
ื
สามารถถอนกำลังส่วนใหญ่รอดพ้นจากความหายนะมาถึงเขตแดนไทยสำเร็จใน 13 พ.ค. 2488 คงมีกำลังเหลอ

