Page 316 - 1.64
P. 316

เรียนรู้เช่นน้ีพ่อไม่ไมจ่ าเป็นตอ้ งพูดวา่ อะไรเลย เด็กจะเฝ้าสงั เกตการณ์ปฏิบตั ิของพอ่ แมต่ ่อบุคคลอ่ืนอยา่ งถี่ถว้ น

จะเรียนรู้วา่ ใครควรคบใครควรนบั ถือ ใครไม่ควรนบั ถือ

4. ปัจจยั ท่ีเกี่ยวกบั สถาบนั ปัจจยั ทางสถาบนั มีอยเู่ ป็นอนั มากท่ีมีส่วนสร้างสนบั สนุนเจตคติของเรา

ตวั อยา่ งเช่น การปฏิบตั ิตนในวดั ในโบสถ์ การแตง่ กายของคนในสถานการณ์ทางสงั คมต่าง ๆ เป็นส่ิงใหแ้ นว

เจตคติของคนเราเป็นอนั มาก

สภาวะท่ีมีผลต่อการก่อเกิดของเจตคติน้นั มีหลายอยา่ ง อาทิเช่น ประการแรก ข้นึ อยกู่ บั การท่ีเรา

คิดวา่ เราเป็นพวกเดียวกนั (identification) เด็กท่ียอมรับวา่ ตนเองเป็นพวกเดียวกบั พ่อแม่ยอ่ มจะรับเจตคติของ

พอ่ แมง่ า่ ยข้นึ หรือท่ีโรงเรียนหากเด็กถือวา่ ครูเป็ นพวกเดียวกบั ตนเด็กยอ่ มจะรับความเชื่อถือหรือเจตคติของครู

ประการท่ีสอง ข้นึ อยกู่ บั วา่ เจตคติน้นั คนอ่ืนๆเป็นจานวนมากเชื่ออยา่ งน้นั หรือคิดอยา่ งน้นั

(uniformity) การท่ีเราจะมีเจตคติเขา้ กลมเกลียวเป็นอนั หน่ึงอนั เดียวกนั ไดน้ ้นั อาจจะมีสาเหตอุ ่ืนอีกเช่นโอกาส

ท่ีจะไดร้ ับเจตคติแตกต่างไปน้นั ไมม่ ีประการหน่ึงอีกประการหน่ึงหากไม่เห็นดว้ ยกบั ส่วนใหญ่เราเกิดความรู้สึก

วา่ ส่วนใหญ่ปฏิเสธเรา นอกจากน้ีประการท่ีสามการที่เรามีเจตคติตรงกบั คนอื่นทาใหเ้ ราพูดติดต่อกบั คนอ่ืน

เขา้ ใจ เมื่อเราเจริญเติบโตจากเดก็ เป็ นผใู้ หญน่ ้นั แน่ท่ีสุดที่เราจะพบความแตกต่างของเจตคติมากมาย ในบา้ นน้นั

นบั วา่ เป็นแหล่งเกิดเจตคติตรงกนั ที่สุด แต่พอมีเพอ่ื นฝงู เราจะเห็นวา่ เจตคติของเพอื่ นฝงู และของพอ่ แมข่ องเขา

แตกตา่ งกนั บา้ ง ในโรงเรียนโดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในระดบั การศึกษาช้นั สูงเราจะพบความแตกต่างของเจตคติ

มากมาย ดงั น้นั เราจะเห็นไดว้ า่ เจตคติแรกๆท่ีเราไดร้ ับน้นั ค่อนขา้ งจะคงทนถาวร เจตคติน้นั จะสามารถนาไปใช้

กบั สถานการณ์ใหม่ท่ีคลา้ ยกนั เช่น คนที่มีพ่อดุดนั เขม้ งวดเขาจะเกิดความมุง่ ร้ายต่อพ่อ  อาจจะคดิ วา่

ผบู้ งั คบั บญั ชาน้นั ดุดนั เขม้ งวดและเกิดความรู้สึกม่งุ ร้ายตอ่ ผบู้ งั คบั บญั ชาก็ได้ หรือคนงานท่ีไมช่ อบหวั หนา้ งาน

อาจจะนาความไม่ชอบน้นั ไปใชต้ ่อบริษทั หรือเกลียดบริษทั ไปดว้ ย

ลกั ษณะของเจตคติ

ทิตยา สุวรรรณชฎ (2520:602-603) กลา่ วถึงลกั ษณะสาคญั ของเจตคติ 4 ประการ คือ

1. เจตคติ เป็นสภาวะก่อนท่ีพฤติกรรมโตต้ อบ (PREDISPOSITION TO RESPOND) ต่อ

เหตุการณ์หรือสิ่งใดส่ิงหน่ึงโดยเฉพาะหรือจะเรียกวา่ สภาวะพร้อมที่จะมีพฤติกรรมจริง

2. เจตคติ จะมีความคงตวั อยใู่ นช่วงระยะเวลา (PERSISTENCE OVERTIME) แต่มิไดห้ มายความ

วา่ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง

3. เจตคติ เป็นตวั แปรหน่ึงนาไปสู่ความสอดคลอ้ งระหวา่ งพฤติกรรม ความรู้สึกนึกคิดไมว่ า่ จะ

เป็นการแสดงออกโดยวาจา หรือการแสดงความรู้สึก ตลอดจนการท่ีจะตอ้ งเผชิญหรือหลีกเล่ียงต่อสิ่งใดส่ิงหน่ึง

4. เจตคติ มีคณุ สมบตั ิของแรงจูงใจ ในอนั ท่ีจะทาใหบ้ คุ คลประเมินผล หรือเลือกสิ่งใดส่ิงหน่ึง ซ่ึง

หมายความต่อไปถึงการกาหนดทิศทางของพฤติกรรมจริงดว้ ย

เจตคตินบั วา่ เป็นส่วนประกอบที่สาคญั ในการทางานอยา่ งหน่ึง นอกจากความพร้อมและการจูงใจ

บุคคลที่มีเจตคติที่ดีต่อการทางานจะช่วยใหท้ างานไดผ้ ลท้งั น้ีเพราะเจตคติเป็นตน้ กาเนิดของความคิดและการ

แสดงการกระทาออกมานน่ั เอง
   311   312   313   314   315   316   317   318   319   320   321