Page 75 - นาวิกศาสตร์ เดือน ธันวาคม ๒๕๕๔
P. 75
ได้อย่างสบาย อีกทั้งสมเด็จพระนเรศวร ยังเป็นห่วง เป็นสงครามที่แพ้ชนะกันในวันเดียว พระมหา
ทัพพม่าอีก ๒ ทัพ ที่ยกมาทางเหนือ จึงไม่ยก อุปราชา เป็นแม่ทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยา ๒ ครั้ง
ไล่ติดตามทัพพระมหาอุปราชา ซุนวู่ ปราชญ์ทาง (พ.ศ.๒๑๓๓ และ พ.ศ.๒๑๓๕) แพ้ในวันเดียวกันทั้ง
ทหารของจีน หรือ เจ้ายุทธศาสตร์การสงครามของ ๒ ครั้ง
พระแสงของ้าว และพระมาลาเบี่ยงของสมเด็จพระนเรศวร
จีนที่ นักการทหารทั่วโลกยอมรับนับถือ กล่าวไว้ พระราชพงศาวดารจดไว้ว่า เมื่อสมเด็จ
ตอนหนึ่งว่า “…การใช้กำลังทหาร จึงเหมือน พระนเรศวร เสด็จกลับถึงพระนครแล้ว โปรดให้
ธรรมชาติ ของน้ำ น้ำย่อมจัดกระแสไหลบ่าไปตาม ยกย่องช้างพระที่นั่ง ที่ชนชนะข้าศึก เจ้าพระยา
ลักษณะ ภูมิประเทศฉันใด การยุทธ์ก็ต้องเอาชนะกัน ไชยานุภาพ เป็น “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี”
ตามสภาวะข้าศึกฉันนั้น การยุทธ์จึงไม่มี หลักเกณฑ์ (บางแห่งว่า “เจ้าพระยาปราบหงสา”)
ตายตัว เฉกเช่นน้ำ ซึ่งหามีลักษณะอันแน่นอนไม่ พระแสงของ้าว ก็ได้รับพระราชทานนามว่า
จึงผู้เอาชนะด้วยปฏิบัติการ อันเหมาะสมกับความ “เจ้าพระยาแสนพลพ่าย” ถือเป็นพระแสงศักดิ์สิทธิ์
ผันแปรของข้าศึกนั้น เขาคือเทพเจ้า ผู้ทรงอิทธิฤทธิ์…” คู่บ้านคู่เมืองตลอดมา
(จากศิลปวัฒนธรรม ฉบับ ตุลาคม ๒๕๔๙ หน้า ส่วนพระมาลา ได้รับพระราชทานนามว่า
๑๒๕ เรื่อง ทึ่งกลยุทธศึกษา รัชกาลที่ ๕ เปลี่ยน “พระมาลาเบี่ยง” ทรงประทานบำเหน็จแก่พระองค์เอง
สถานะชาวสยามจาก แพ้ เป็น ชนะ โดย ด้วยเช่นกัน คือตั้งแต่ราชาภิเษกมา ยังมิได้เคย
ไกฤกษ์ นานา) เข้าประทับในวังหลวง คงประทับอยู่ที่วังจันทน์เกษม
ฝ่ายพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง เมื่อทราบข่าว ตลอดมา เมื่อได้ชัยชนะยุทธหัตถีครั้งนี้แล้วจึงเสด็จ
พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์ ก็เสียพระทัยมาก เข้าประทับในพระบรมมหาราชวังเป็นครั้งแรก
และเห็นว่าจะตีกรุงศรีอยุธยาไม่ได้แน่ ๆ จึงมีรับสั่ง
ให้เรียกกองทัพกลับคืนเมืองทุกกองทัพ (อ่านต่อฉบับหน้า)
๐74 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

