Page 73 - นาวิกศาสตร์ เดือน ธันวาคม ๒๕๕๔
P. 73
ติดตามทหารกองทัพพระยาศรีไสยณรงค์ มาอย่าง ยุทธหัตถีอีกแล้ว” ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวร
ไม่หยุดยั้ง จนเสียรูปขบวนรบ จนกระทั่งเวลา จะท้าพระมหาอุปราชา กระทำยุทธหัตถีนั้น
ประมาณ ๑๑.๐๐ น. เห็นข้าศึกไล่ตามทหารไทยลง นักประวัติศาสตร์บางท่านกล่าวว่า พระองค์ทรง
มาไม่เป็นกระบวนทัพสมคะเนแล้ว จึงให้สัญญาณ หยุดการรุมกินโต๊ะของทหารพม่า โดยทรงห้าม
กองทัพออกตีพร้อมกัน สมเด็จพระนเรศวร และ ทหารไทยด้วยทรงสั่งทหารไทยเป็นภาษาพม่า
สมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จขึ้นพระคชาธาร นำทัพ ว่า ทหารไทยหยุดก่อน เราจะรบกับแม่ทัพพม่า
หลวงเข้าตีโอบกำลังส่วนหน้าของข้าศึกที่รุกไล่ ตัวต่อตัว” ทหารพม่าได้ยินจึงหยุด รอคำสั่งนาย
ทหารไทยมาอย่างเมามันทันที ทำให้พม่าตกใจ เพราะเป็นประเพณี เมื่อนายจะรบกันตัวต่อตัว
ถูกจู่โจมโดยไม่รู้ตัว กำลังไล่ฆ่าไทยเพลิน ทำให้ตก ลูกน้องห้ามยุ่ง เดี๋ยวหัวขาด
อยู่ในศึกกระหนาบ แตกถอยร่นกลับไปถึงทัพหลวง
ของตน ส่วนกองทัพไทยทัพอื่น ๆ เคลื่อนทัพไม่ทัน ยุทธหัตถีที่คนไทยไม่รู้ลืม
ทัพหลวง เพราะได้รับคำสั่งช้าบ้าง เร็วบ้าง ต่างกันไป พระมหาอุปราชา ได้ฟังคำท้าทายเช่นนั้น จึงได้
มีเพียงทัพหน้าของพระยาสีหราชเดโชชัย กับทัพปีกขวา ขับช้างพลายพัทธกอ ออกมาชน ด้วยขัติยมานะ
ทัพหลวงของเจ้าพระยามหาเสนา เพียง ๒ ทัพ ของผู้อยู่ในเชื้อสายกษัตริย์ เมื่อถูกท้าชนช้างแล้ว
ที่เคลื่อนติดตามทัพหลวงได้ทัน ปฏิเสธนั้นย่อมเสียพระเกียรติยศชื่อเสียง จะอยู่ดู
ทัพหน้าของพม่าถูกตีโอบจนเสียขบวน หน้าใครเขาได้ แผนรบที่จะใช้กำลังมากกว่าให้เป็น
เกิดความสับสนวุ่นวาย แตกหนีอลหม่าน ช้าง ประโยชน์ จึงกลายเป็นต้องใช้ฝีมือของแม่ทัพใหญ่
พระที่นั่งของ สมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จ ของทั้ง ๒ ฝ่าย ตัดสินผลของสงคราม นี่คือจุดกลับ
พระเอกาทศรถ เป็นช้างชนะงากำลังตกมัน ก็ออก ของสงคราม
วิ่งไล่ตามกองกำลังข้าศึกไป พาทั้งสองพระองค์ เจ้าพระยาไชยานุภาพ ซึ่งกำลังคลั่งน้ำมันเห็น
ตกเข้าไปอยู่ท่ามกลางข้าศึก มีแต่จตุลังคบาท ช้างศึกตรงเข้ามา ก็โถมเข้าแทงทันทีไม่ยั้ง เสียที
กับพวกทหารรักษาพระองค์ตามติดไป ช่วงนั้นกำลัง พลายพัทธกอได้ล่าง แบกรุนเอาเจ้าพระยาไชยานุภาพ
สู้รบกันโกลาหล ฝุ่นฟุ้งตลบทั่วทิศ พอฝุ่นจาง เบนออก พระมหาอุปราชาได้ทีจึงจ้วงฟันด้วย
สมเด็จพระนเรศวร ก็ทอดพระเนตรเห็น พระมหา พระแสงของ้าว สมเด็จพระนเรศวรเบี่ยงพระองค์
อุปราชา ทรงพระคชาธารอยู่ใต้ร่มไม้ จึงทราบว่า หลบทัน ถูกแต่พระมาลาเบี่ยง ขาดไปส่วนหนึ่ง
ช้างพระที่นั่งของพระองค์รุกไล่ข้าศึกจนเข้าไปอยู่ ไม่ต้องพระองค์ (หรือต้องพระองค์ แต่ ไม่เข้า)
ท่ามกลางทัพหลวงของข้าศึก พระองค์ทรงรวบรวม ครั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพสะบัดลงได้ล่าง
สติมั่น ทรงเห็นว่าหนทางที่จะชนะมีทางเดียวเท่านั้น รุนเอาพลายพัทธกอหัวเบนไป สมเด็จพระนเรศวร
ี
ี
คือ ต้องทรงกระทำยุทธหัตถ (ท้าต ท้าต่อยกัน
ตัวต่อตัว) เพื่อป้องกันมิให้ถูกรุมกินโต๊ะ ดังนั้น
จึงรับสั่งให้ขับช้างพระที่นั่งตรงไปยังหน้าช้าง
พระมหาอุปราชา ทันที แล้วได้ตรัสเป็นภาษาพม่า
เชิญทำยุทธหัตถี
พระราชพงศาวดาร บันทึกไว้ใจความว่า
“พระเจ้าพี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญเสด็จ
ออกมาทำยุทธหัตถีกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ใน
แผ่นดินเถิด ภายหน้าไม่มีกษัตริย์ที่จะได้กระทำ
ภาพเขียนแสดงการเดินทัพช้างไทยสมัยพระนเรศวร
๐72 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔

