Page 3 - ประวัติ พระอนุสาวรีย์ พระตำหนัก ศาลพระรูป ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงค์ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์
P. 3

ก – ๑


                                                      พระประวัติ

                     พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์



                       พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ (ต้นราชสกุล
                                                                                         ุ
               อาภากร) ทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ นับล าดับราชสกุลวงศ์
               เป็นพระองค์ที่ ๒๘ มีพระนามเดิมว่า “พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์” ประสูติในพระบรมมหาราชวัง

               เมื่อวันที่ ๑๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๓ ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๓ ค่ า เดือนอาย ปีมะโรง จุลศักราช ๑๒๔๒
                                                                               ้
               เวลา ๑๕ นาฬิกา ๕๗ นาที และทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์ที่ ๑ ในเจ้าจอมมารดาโหมดธิดาเจ้าพระยา
               สุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) พระองค์ทรงมีพระกนิษฐาและพระอนุชาร่วมพระมารดา ๒ พระองค์  คือ

               พระองค์เจ้าหญิงอรองค์อรรคยุพา (สิ้นพระชนม์เมื่อทรงพระเยาว์) และพระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์
               การศึกษา
                        เมื่อเสด็จในกรมฯ ยังทรงพระเยาว์ ทรงได้รับการศึกษาชั้นแรกในพระบรมมหาราชวังในโรงเรียน
                                                 ิ
               ซึ่งเรียกว่า โรงเรียนราชกุมาร มีพระยาอศรพนธุ์โสภณ (หม่อมราชวงศ์ หนู  อศรางกูร) เป็นพระอาจารย์และ
                                                     ั
                                                                                ิ
               ทรงศึกษาภาษาอังกฤษกับ Mr.Morant ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ ทั้งนี้ได้ทรงศึกษาอยู่จนทรงโสกันต์
                        ในปี พ.ศ.๒๔๓๖ เมื่อเสด็จในกรมฯ ทรงมีพระชนมายุได้ ๑๓ พรรษา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
               เจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ไปทรงศึกษาต่อ ณ ประเทศองกฤษ พร้อมกับพระบาทสมเด็จ
                                                                              ั
               พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ซึ่งในขณะนั้น ทรงด ารงพระอสริยศักดิ์เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ
                                                                          ิ
               เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ กรมขุนเทพทาราวดี โดยมีเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี (หม่อมราชวงศ์ เปีย มาลากุล)
               เมื่อครั้งมีบรรดาศักดิ์เป็น พระมนตรีพจนกิจเป็นพระอภิบาล ได้เสด็จออกจากกรุงเทพฯ โดยเรือหลวง
               มกุฎราชกุมาร ล าที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๓๖ ไปยังสิงคโปร์ ต่อจากนั้นได้โดยสารเรือเมล์ชื่อ
                                                        ิ
               “ออลเดนบูร์ก” (Oldenburg) ไปถึงเมืองตูริน ในอตาลี เมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๖ แล้วเสด็จโดยทางรถไฟ
               ไปยังกรุงปารีสและลอนดอน ตามล าดับ ในชั้นแรกเสด็จในกรมฯ ได้เสด็จประทับร่วมกับพระบาทสมเด็จ
               พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ “ไบรตัน” และ “แอสคอต” เพอทรงศึกษาภาษาและวิชาเบื้องต้นและได้เคยตามเสด็จ
                                                              ื่
               พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ไปเฝ้าสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ที่พระราชวังวินด์เซอร์
               ตลอดจนตามเสด็จไปทัศนศึกษาทั้งในองกฤษและประเทศในยุโรป จนกระทั่งถึงวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๓๘
                                                ั
               เสด็จในกรมฯ จึงเสด็จไปเข้าโรงเรียนส่วนบุคคลส าหรับกวดวิชา เพอเตรียมเข้าศึกษาในโรงเรียนนายเรือ
                                                                          ื่
               องกฤษต่อไป  โรงเรียนที่ทรงไปกวดวิชานี้มีชื่อว่า  The  Linnes  ตั้งอยู่แขวงกรีนิช ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ
                 ั
               กรุงลอนดอน มีมิสเตอร์ ลิตเติลจอห์น (W.T.Littlejohn) เป็นผู้ปกครองและครูใหญ่   ผลการศึกษานี้
                                                                          ั
               พระอภิบาลได้ทรงกราบบังคมทูลรายงานว่า “ส่วนความรู้ภาษาองกฤษในพระองค์ดีขึ้นตามธรรมดา
               แต่กระบวนวิชาทหารเรือชั้นต้นก็วิ่งขึ้นเร็วตามสมควร แต่การเล่นการแข็งแรง เช่น ฟตบอล เป็นต้น นับว่าเป็น
                                                                                     ุ
               ชั้นยอดของโรงเรียน เกือบว่าไม่มีใครอาจเข้าเทียบเทียม”
   1   2   3   4   5   6   7   8