Page 4 - ประวัติ พระอนุสาวรีย์ พระตำหนัก ศาลพระรูป ของ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากร เกียรติวงค์ กรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์
P. 4
ก – ๒
ั
ในขณะที่เสด็จในกรมฯ ทรงเป็นนักเรียนนายเรืออยู่ที่ประเทศองกฤษนั้น ประจวบกับ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรปเป็นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐ เสด็จในกรมฯ
ทรงขอลาทางโรงเรียนมารับเสด็จพระบรมชนกนาถ โดยเข้าร่วมกระบวนเสด็จที่เกาะลังกา จึงทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้ทรงฝึกการเดินเรือในเรือพระที่นั่งมหาจักรี ล าที่ ๑ ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้บังคับการเรือ
คือ กัปตันค ามิง และได้ทรงถือท้ายเรือพระที่นั่งมหาจักรี ล าที่ ๑ ด้วยพระองค์เอง เพอทรงแสดงความสามารถ
ื่
ให้ปรากฏแก่พระเนตรสมเด็จพระบรมชนกนาถ รวมเวลาฝึกประมาณ ๖ สัปดาห์
หลังจากเสด็จในกรมฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเรือพระที่นั่งมหาจักรี
ล าที่ ๑ แล้ว สมเด็จพระบรมชนกนาถ ทรงมีพระราชปรารภกับเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดีว่า
ั
ั
“ชายอาภากรนั้นอธยาศัยเป็นคนซื่อมาแต่เดิม เป็นผู้สมควรแก่วิชาที่เรียนอยู่แล้ว ไม่เป็นคนที่มีอธยาศัยที่จะ
ใช้ฝีปากได้ในกิจการพลเรือน แต่ถ้าเป็นการในหน้าที่อันเดียวซึ่งช านาญ คงจะมั่นคงในทางนั้น แลตรงไปตรงมา
การที่ได้ไปพบคราวนี้เห็นว่าอธยาศัยดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก” เสด็จในกรมฯ ได้ตามเสด็จสมเด็จพระบรมชนกนาถ
ั
ิ
ไปในเรือพระที่นั่งฯ จนถึงประเทศอตาลี เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นบกแล้ว
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์ทรงฝึกการเดินเรือกับเรือพระที่นั่งมหาจักรี ล าที่ ๑ ไปจนถึงองกฤษ
ั
ั
แล้วจึงทรงศึกษาวิชาการทหารเรือต่อไป เมื่อทรงสอบความรู้เทียบขั้นสุดท้ายของนักเรียนนายเรือองกฤษ
ั
ได้ในเกณฑ์ที่ดีแล้ว พระองค์ก็พร้อมที่จะทรงรับการฝึกในเรือรบองกฤษต่อไปตามที่กระทรวงทหารเรือองกฤษ
ั
ตอบรับไว้
กระทรวงทหารเรือองกฤษได้จัดให้เสด็จในกรมฯ ทรงฝึกงานในกองทัพเรือภาคเมดิเตอร์เรเนียน
ั
ในเรือประจัญบาน Revenge เป็นเวลา ๓๐๕ วัน ในเรือใบฝึก H.M.S.Cruiser เป็นเวลา ๖๓ วัน ในเรือลาดตระเวน
Hawke เป็นเวลา ๒๐ วัน และในเรือประจัญบาน Ramillics เป็นเวลา ๓ วัน เวลาที่ทรงรับการฝึกในทะเล
เมดิเตอร์เรเนียน ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๔๐ จนถึงวันที่ ๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๒ ขณะที่ทรงเป็น
นักเรียนท าการฯ ประจ าเรือ Revenge เสด็จในกรมฯ ทรงต้องเป็นผู้บังคับบัญชาทหารที่ยกพลขึ้นบกไปปราบ
การจลาจลบนเกาะครีต (Crete) ทั้ง ๆ ที่พระองค์มีพระชนมายุเพยง ๑๘ พรรษา และทรงเล่าให้ พลเรือตรี
ี
พระยาหาญกลางสมุทร (บุญมี พนธุมนาวิน) ฟงว่า “เมื่อเป็นนักเรียนท าการนายเรือในราชนาวีองกฤษ ได้มีโอกาส
ั
ั
ั
ขึ้นท าการปราบจลาจลที่เกาะครีต เป็นเวลาราว ๓ เดือน ต้องนอนกลางดิน กินกลางทราย หนาวก็หนาว
ในสนามรบต้องนอนกับศพที่ตายใหม่ ๆ และบางคราวซ้ ายังอดอาหารต้องจับหอยทากมาทอดเสวยกับหัวหอม
ศพที่ถูกยิงที่ท้องนับว่าเหม็นร้ายกาจ ถึงจะเป็นศพที่ตายใหม่ ๆ ก็ตาม” เมื่อทรงสอบความรู้ได้รับ
ประกาศนียบัตรส าหรับการเดินเรือ การปืน และการจักรไอน้ าแล้ว ได้ทรงสอบวิชาการเรือ ส าหรับนายทหารที่
จะเป็นนายเรือเอก ได้รับประกาศนียบัตรชั้นที่ ๑ เมื่อวันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๔๒ และทรงได้รับค าชมเชย
จากผู้บังคับการเรือว่า ประพฤติ “ดีมาก” และทรงสนพระทัยในการงานดีมาก
เสด็จในกรมฯ ทรงศึกษาวิชาเดินเรือที่วิทยาลัยทหารเรือ กรีนิช ในระหว่างวันที่ ๒๑ พฤษภาคม
พ.ศ.๒๔๔๒ ถึงวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๒ ทรงสอบได้ประกาศนียบัตรชั้นที่ ๒ แล้วทรงศึกษาวิชาการ
น าร่องต่อไปจนถึงวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๒ ทรงสอบได้ประกาศนียบัตรชั้นที่ ๒ หลังจากนั้น ได้
ทอดพระเนตรกิจการสร้างตอร์ปิโด สร้างปืนใหญ่ และสร้างเรือรบในบริษัทเอกชน จึงนับว่าทรงได้รับความรู้
และประสบการณ์ด้านวิชาทหารเรืออย่างดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในสมัยนั้น

