Page 8 - นาวิกศาสตร์ มีนาคม ๒๕๖๔
P. 8
เทวาลัย เทวสถาน หรือเทวาวาสที่เป็นโบสถ์พราหมณ์
ั
ี
�
ต้งข้อสังเกต และวิเคราะห์คาตอบท่สมเหตุสมผล
�
มากท่สุด ผู้เขียนขอจัดลาดับคาเรียกช่อปูชนียสถาน
ี
�
ื
ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ
ี
่
ิ
ุ
เป็น ๓ กล่ม โดยเรมจากกล่มทมจานวนน้อยทสด
ุ
่
ี
�
ี
่
ุ
ี
คือ “เทวาลัย” กับ “พระวิหารเทวสถิต”กลุ่มท่ม ี
ี
�
�
จานวนหลักสิบ คือ “ตาหนัก” กับ “พระตาหนัก” และ
�
ี
�
�
กลุ่มท่มีจานวนหลักร้อย คือ “ศาล” กับ “พระตาหนัก
ศาล” “เทวาลัย” และ “พระวิหารเทวสถิต” เสด็จในกรม พระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ในพระวิหารเทวสถิต
หลวงชุมพรฯ ตามล�าดับ พระวิหารเทวสถิต เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๘
ี
“เทวาลัย” และ “พระวิหารเทวสถิต” ทั้งสองค�า “เทวาลัย” แปลว่า ท่อยู่ของเทวดา “พระวิหาร
ึ
ี
มีความหมายคล้ายกัน ผู้สร้างมีเจตนาให้เป็นสถานท ี ่ เทวสถิต” แปลว่า ท่ซ่งเทวดาอยู่ ท้งสองคาหมายถึง
ั
�
ึ
ท่ประดิษฐานพระรูปหล่อเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ สถานท่ท่ก่อสร้างข้นเพ่อสมมุติว่าเป็นท่ประทับของ
ี
ี
ี
ื
ี
่
�
ั
�
ี
เหมือนกัน ต่างกันท “เทวาลัย” เป็นคาท่ใช้กันท่วไป เทพเจ้าเหมือนกัน มีความหมายเดียวกับคาว่าเทวสถาน
ี
ื
ึ
ู
ิ
ี
ี
ส่วน “พระวหารเทวสถิต” ในท่น้เป็นช่อเฉพาะ และเทวาวาส ในศาสนาพราหมณ์ - ฮินด ซ่งใน
ื
จากการสืบค้นทางส่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ประเทศไทย และประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ี
ื
ั
“เทวาลัย” และ “พระวิหารเทวสถิต” มีเพียง ๒ แห่ง คือ มคตนยมในการสร้างเทวาลย เทวสถาน หรอเทวาวาส
ิ
ิ
ี
�
้
“เทวาลัยเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” ท่ปากนาแม่กลอง เป็นโบสถ์ก็ม เช่น โบสถ์พราหมณ์ ถนนบ้านดินสอ
ี
อาเภอแม่กลอง จังหวัดสมุทรสงคราม สร้างเม่อ พ.ศ. แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เทวสถาน
�
ื
ี
๒๕๒๙ และ “พระวิหารเทวสถิตเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ” ท่ประทับของพระพรหม พระศิวะ (อิศวร) พระวิษณ ุ
ของมูลนิธิสรรพราเชนทร์ ตาบลสนามจันทร์ อาเภอเมือง (นารายณ์) และเทพเจ้าอ่น ๆ เช่น พระอุมาเทว ี
�
ื
�
ึ
ื
จังหวัดนครปฐม ซ่งอัญเชิญพระรูปหล่อเน้อสาริด ๓ พระลักษม พระภูมิเทว และพระมหาวิฆเนศวร
�
ี
ี
ขนาดความสูง ๓.๙๐ เมตร ประดิษฐานบนแท่นใน (พระคเณศ) เป็นต้น เป็นวัดก็มี เช่น วัดแขกสีลม หรือ
๓
ส�าริด หรือ สัมฤทธิ์ คือ โลหะเจือชนิดหนึ่ง ประกอบด้วยทองแดงกับดีบุกผสมกัน เรียกว่า ทองสัมฤทธิ์ หรือ ทองบรอนซ์ (Bronze) โบราณ
เรียกว่า ส�าริด
6
นาวิกศาสตร์
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๔

