Page 35 - นาวิกศาสตร์ ธันวาคม ๒๕๖๒
P. 35
ิ
ั
หรือเอกรำชทำงกำรเมืองของรัฐใด ๆ หรือกำรกระท�ำกำร อนย่งยวด (Necessity) ต้องได้สัดส่วนกบกำรโจมต ี
ั
ื
ี
่
ในลักษณะกำรอ่นใดทไม่สอดคล้องต่อควำมมุ่งประสงค์ (Proportionality) และต้องเป็นไปอย่ำงฉับพลันโดย
ของสหประชำชำติ” อย่ำงไรก็ตำม ในเรื่องหลักการห้ามใช้ ไม่รีรอ (Immediacy) ทั้งนี้กำรที่รัฐใช้สิทธิป้องกันตนเอง
กาลังในกฎบัตรสหประชาชาติ มิใช่ห้ามใช้กาลังใน ย่อมถือว่ำชอบด้วยกฎหมำยระหว่ำงประเทศ ข้อพิจำรณำ
�
�
ื
ทุกกรณี โดยมีข้อยกเว้น ได้แก่ “แม้ในบำงกรณียังไม่ได้มีกำรใช้มำตรกำรสันติวิธีเพ่อระงับ
๒.๑ กำรใช้สิทธิในกำรป้องกันตนเองตำมมำตรำ ยับยั้งกำรโจมตีนั้นก็ตำม”
ั
๕๑ แห่งกฎบัตรสหประชำชำติ - สิทธิป้องกันตนเองเป็นสิทธิช่วครำวของรัฐ
�
ื
ื
๒.๒ กำรด�ำเนินกำรเพ่อรักษำสันติภำพ และ ในกำรใช้กำลังเพ่อป้องกนตนเองตำมมำตรำ ๕๑
ั
ควำมม่นคงระหว่ำงประเทศตำมหมวด ๗ แห่งกฎบัตร แห่งกฎบัตรสหประชำชำต “จนกว่ำคณะมนตร ี
ั
ิ
ื
สหประชำชำติ ควำมม่นคงจะได้ด�ำเนินมำตรกำรท่จ�ำเป็นเพ่อธ�ำรงไว้ซ่ง ึ
ั
ี
๒.๓ กฎหมำยจำรีตประเพณีระหว่ำงประเทศ สันติภำพ และควำมมั่นคงระหว่ำงประเทศ”
เช่น มำตรกำรตอบโต้ (Counter-Measure) กำรใช้ - กำรใช้สิทธิป้องกันตนเองสำมำรถกระท�ำได้เมื่อมี
ื
ึ
ก�ำลังแทรกแซงเพ่อมนุษยธรรม (Humanitarian กำรโจมตีด้วยก�ำลังอำวุธเกิดข้น (Armed Attack
ึ
ื
Intervention) กำรต่อสู้เพ่อสิทธิในกำรปกครองตนเอง Occurs) ผลกำรศึกษำสิทธิป้องกันตนเองซ่งถือว่ำ
(Self Determination) และสงครำมปลดแอกกำรกดขี่ เป็นข้อยกเว้นของมำตรำ ๒(๔) ในเร่องหลักกำรห้ำมใช้
ื
ี
ของต่ำงชำติ เป็นต้น ก�ำลังในควำมสัมพันธ์ระหว่ำงประเทศ ตำมท่กฎบัตร
กำรด�ำเนินกำรภำยใต้ข้อตกลงขององค์กำรส่วน สหประชำชำติมำตรำ ๕๑ ได้บัญญัติไว้นั้น เมื่อพิจำรณำ
ี
ภูมิภำคตำมหมวด ๘ แห่งกฎบัตรสหประชำชำติ มำตรำ ถ้อยค�ำท่ถูกใช้ในมำตรำ ๕๑ คือ กำรโจมตีด้วยก�ำลังอำวุธ
ิ
ั
ี
ิ
๕๑ แห่งกฎบัตรสหประชำชำต กล่ำวว่ำ “ไม่มีส่งใด (Armed Attack) น้นมีขอบเขตควำมหมำยท่แตกต่ำง
�
ั
ิ
ี
่
ุ
ั
ในกฎบตรปัจจบันทจะทำลำยสิทธด่งเดิม (Inherent จำกถ้อยค�ำที่ใช้ในมำตรำ ๒ อนุ ๔ ที่ว่ำ กำรคุกคำม หรือ
Right) ของกำรป้องกันตนเดี่ยว หรือ กำรป้องกันร่วมกัน กำรใช้ก�ำลัง (Threat or Use of Force) ซึ่งในประเด็นนี้
(Individual or Collective Self-Defense) ถ้ำม ี แล้วในกรณีกำรใช้สิทธิกำรป้องกันตนเองแบบกำรป้องกัน
ึ
ี
กำรใช้อำวุธเกิดข้น (An armed attack occurs) ท่กระทบ ตนเองล่วงหน้ำ (Anticipatory Self-Defence หรือ
ต่อสมำชิกสหประชำชำติ จนกว่ำคณะมนตรีควำมมั่นคง Preemptive Self-Defence) ยังเป็นหลักเกณฑ์ท่ยัง
ี
แห่งสหประชำชำติออกมำตรกำร เพ่อด�ำรงไว้ซ่งสันติภำพ ไม่ชัดเจนในกฎบัตรสหประชำต ท้งน้ประเทศท่น�ำ
ั
ี
ี
ิ
ึ
ื
ี
ั
และควำมม่นคงระหว่ำงประเทศ มำตรกำรท้งหลำยท ี ่ หลักกำรน้มำใช้ได้แก่ประเทศมหำอ�ำนำจท่อยู่ในคณะ
ี
ั
ื
รัฐสมำชิกใช้เพ่อป้องกันตนเองจะต้องแจ้งคณะมนตร ี มนตรีควำมม่นคง คือ ประเทศสหรัฐฯ และจีน ดังนั้น
ั
ควำมมั่นคงฯ โดยหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในกำรใช้สิทธิ ประเทศไทยแล้วควรใช้หลักการใช้สิทธิป้องกันตนเอง
ึ
ื
�
�
ในกำรป้องกันตนเองของรัฐ มีดังนี้ สามารถกระทาได้เม่อมีการโจมตีด้วยกาลังอาวุธเกิดข้น
่
ี
ิ
้
ั
ี
ี
ุ
- สิทธิป้องกันตนเองเป็นสิทธิโดยธรรมชำติของรัฐ เท่านน ยกเว้นกรณีท่เป็นเหตุฉกเฉนทมผลกระทบ
(Inherent Right) ในกำรใช้ก�ำลังเพื่อป้องกันตนเองโดย อย่างรุนแรงต่อจุดศูนย์ดุลประเทศทางทะเลในระดับ
ั
ิ
ิ
ื
รฐอำจใช้สทธโดยล�ำพง(Individual Self-Defense) หรอ ยุทธศาสตร์ เช่น ท�ำลำยแท่นขุดเจำะ เรือน�้ำมัน ท�ำให้
ั
�
ิ
โดยร่วมกัน (Collective Self-Defense) เช่น กำรกระท�ำ ประเทศไม่มีน้ำมัน และแก๊สธรรมชำต ส่งผลถึงระบบเศรษฐกิจ
ของอังกฤษในกรณีสงครำมฟอร์คแลนด์ และควำมเป็นอยู่ของประชำชนอย่ำงรุนแรง แม้ในกรณีฝ่ำย
- สิทธิป้องกันตนเองต้องใช้ในกรณีที่มีควำมจ�ำเป็น ตรงข้ำมไม่ได้ใช้ก�ำลังโดยตรงต่อก�ำลังทำงเรือของฝ่ำยเรำ
นาวิกศาสตร์ 33
ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๒

