Page 40 - นาวิกศาสตร์ ธันวาคม ๒๕๖๒
P. 40
ื
พฤติกรรมของกองทัพเรือสมัยใหม่และหลังสมัยใหม่ท ่ ี ในกรณีของสัจนิยม ปัจจัยพ้นฐานไม่ว่าประเทศ
แสดงออกมาในรูปของความร่วมมือและความขัดแย้ง จะร่วมมือหรือขัดแย้งกันคือ “ความต้องการให้ตนเองอยู่รอด
ึ
�
ระหว่างประเทศในประเด็นต่อไป (survival)” ซ่งประเทศต่าง ๆ ต้องแสวงหาอานาจ
ื
ื
่
ื
๓.๒ ปัจจัยต่อความร่วมมือและความขัดแย้ง เป็นเคร่องมือพ้นฐานเพอรับประกันความอยู่รอด
ระหว่างประเทศ ของตนเอง หากเป็นมหาอานาจก็ต้องการอานาจสูงสุด
�
�
�
ื
การทาความเข้าใจเร่องความร่วมมือ และความขัดแย้ง เพ่อรับประกันความเป็นไปได้ท่ตนเองจะอยู่รอดในระบบ
ี
ื
ระหว่างประเทศว่ามีท่มาจากเหตุผลใดน้นจาเป็นต้องม ี อนาธิปไตยท่ไม่มีรัฐบาลโลกคอยตรวจสอบพฤติกรรม
ั
ี
�
ี
ื
ื
พ้นฐานทางทฤษฎีสัจนิยมและเสรีนิยมในเร่องธรรมชาต ิ ของแต่ละประเทศ แต่ในกรณีของเสรีนิยม ปัจจัย
ั
์
ิ
ุ
ของมนษยและธรรมชาตของรัฐดงทกลาวมา เพราะทาท ี พ้นฐานคือ “ความต้องการให้ระบบระหว่างประเทศ
่
ื
่
ี
่
ของมนุษย์ หรือรัฐจะกาหนดว่ารัฐจะดาเนินนโยบาย เกิดเสถียรภาพ (stability) และความเจริญรุ่งเรือง
�
�
ื
ี
ั
ุ
ั
ื
ี
ในแบบร่วมมอ หรอขดแย้งกน เช่น กรณสยามในยค (prosperity)” ต่างจากกรณีของสัจนิยมท่ต้องการให้
�
�
ั
�
อาณานิคมจาเป็นต้องเอาตัวรอดจากมหาอานาจยุโรป ตนเองเท่าน้นอยู่รอด ส่วนระบบจะเป็นอย่างไรไม่สาคัญ
ก็จะรู้สึกว่าตนเองอยู่ในสภาวะธรรมชาติแบบสัจนิยม กล่าวง่าย ๆ คือ จุดมุ่งของสัจนิยม คือ ความอยู่รอด
ิ
และหาทางเสริมสร้างอานาจของตนเองด้วยการเพ่ม ของตนเอง จุดมุ่งของเสรีนิยม คือ เสถียรภาพและ
�
�
ขีดความสามารถทางทหารสมัยใหม่ หรือไม่ก็เข้าร่วมมือ ความรุ่งเรืองของระบบซ่งก็แล้วแต่ยุคสมัยจะกาหนด
ึ
เป็นพันธมิตรกับมหาอานาจยุโรป เช่น รัสเซีย ว่าระบบน้นคืออะไร เช่น ระบบภายใต้สหประชาชาต ิ
ั
�
แต่หากไทยในยุคปัจจุบันท่มีประชาคมอาเซียนต้องการ หลังสงครามโลกคร้งท่สอง ปัจจุบันคือระบบเศรษฐกิจ
ั
ี
ี
ั
์
ื
ุ
แสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและสังคม ก็จะรู้สึก ทุนนิยมเสรียคโลกาภิวัตน เป็นต้น ปัจจยพนฐานเหล่าน ้ ี
้
ว่าตนเองอยู่ในสภาวะธรรมชาติแบบเสรีนิยม และหาทาง จะช้ว่าประเทศต่าง ๆ จะร่วมมือหรือขัดแย้งในประเด็น
ี
ื
ิ
เปิดการค้าเสรีในทุกด้านเพ่อเพ่มการค้าการลงทุน เป็นต้น อะไรระหว่างกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้ศึกษาหลายท่านยังติดกับดักของการ ๓.๓ ข้อเสนอแนะต่อความม่นคงระหว่างประเทศ
ั
ี
ลดทอน (reductionism) อย่างง่าย ๆ โดยมองว่าหาก ข้อเสนอแนะท่ทฤษฎีสัจนิยมและเสรีนิยมเสนอ
คิดแบบสัจนิยมแล้วจะมีแต่ความขัดแย้งเพราะทุกประเทศ เพ่อให้เกิดความม่นคงระหว่างประเทศมีท่มาจากธรรมชาต ิ
ื
ั
ี
ี
�
�
เห็นแก่ตัวหมด ความเห็นแก่ตัวนามาแต่ความขัดแย้ง ของมนุษย์และรัฐ รวมถึงปัจจัยพื้นฐานท่ทาให้เกิด
ี
ิ
ื
แต่หากคดแบบเสรนิยมแล้วจะมแต่ความร่วมมอเพราะ ความร่วมมือและความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยสัจนิยม
ี
ึ
ั
ทุกประเทศเป็นอารยะ เห็นประโยชน์ส่วนรวมจึงทาให้ เสนอว่าความม่นคงระหว่างประเทศจะเกิดข้นได้
�
�
เกิดความร่วมมือ วิธีการคิดเช่นน้จะคลาดเคล่อน และ ด้วยสภาวะ “ดุลอานาจ (balance of power)” เพราะ
ื
ี
ื
นาไปสู่การมองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศท่บิดเบือนได้ พ้นฐานมนุษย์และรัฐคือความกลัว การสร้างสมดุล
ี
�
�
เพราะในโลกความเป็นจริงการเอาตัวรอดแบบสัจนิยม ให้เกิดข้นระหว่างประเทศก็จะทาให้ประเทศต่าง ๆ
ึ
�
ก็สามารถทาให้เกิดความร่วมมือได้ เช่น การสร้างกฎ กลัวว่าหากเร่มสร้างความขัดแย้งและก่อสงครามข้น
ึ
ิ
็
�
้
ี
่
่
่
ั
ั
การเดินเรือสากลเพราะไม่ต้องการให้เรือชนกันและ และตนเองไมไดรบชยชนะ กจะไมเสยงทาสงครามเพราะ
ั
่
ึ
เกิดหายนะ การเข้าเป็นพันธมิตรกับมหาอานาจก็ถือเป็น ไมมนใจวาตนเองจะชนะหรอไม สานกสจนยมยอยสานกหนง
่
�
ั
ิ
่
ั
ื
่
่
ั
�
�
่
ความร่วมมือตามแนวคิดสัจนิยมเช่นกัน เป็นต้น ดังน้น มองว่าดุลอานาจเป็นกลไกท่เกิดข้นเองตามธรรมชาต ิ
ั
�
ึ
ี
ั
�
ึ
ี
ผู้ศึกษาต้องตระหนักถึงปัจจัยท่แท้จริงท่ทาให้ประเทศ ไม่ว่าประเทศต่าง ๆ ต้งใจจะสร้างให้เกิดข้นหรือไม่ก็ตาม
ี
ี
ี
ต่าง ๆ ร่วมมือหรือขัดแย้งกันตามท่ทฤษฎีกล่าวเอาไว้ ทฤษฎีเสรีนิยมมีข้อเสนอท่ต่างออกไปจากสัจนิยม
นาวิกศาสตร์ 38
ปีที่ ๑๐๒ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๒

