Page 20 - ดำแล้วไม่โผล่
P. 20
กรมขุนสงขลานครินทร์ทรงลาออก ฉน้นย่อมเป็นธรรมดาอย่เองท่จะเห็นความสาคัญของเหล่า
ี
ำ
ั
ู
ำ
ื
ี
ุ
่
ี
วันท ๒๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๘ ทรงพระกรณา ทัพอ่นมีความสาคัญเสมอด้วยเหล่าทัพท่ตนเรียนมาไม่ได ้
่
ิ
ำ
โปรดเกล้าฯให้นายเรือโท สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ และไม่วาจะเป็นชาตใด ความลาเอียงในอาชีพของตน
์
เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร ออกจาก ย่อมมีสูงเหนือกว่าอาชีพของบุคคลอื่น เสนาธิการทหาร
ำ
ราชการทหารเรือ เป็นนายทหารพิเศษนอกประจาการ เรือในสมัยนั้นก็ได้รับการขนานนามว่า “กัปตันตาฟาง”
ั
่
ื
ั
ื
เพ่อเสด็จไปศึกษาวิชาฝ่ายพลเรือนในประเทศอเมริกา (จากหนงสอ “สามสมอ ๒๕๑๓” เรอง “ประวต ิ
ื
ู
ี
ต่อไป พระองค์ได้ตัดสินพระทัยไปศึกษาวิชาแพทย ์ โรงเรียนนายเรือ “ผ้เขียนคือ พลเรือตร พระยาหาญ
ั
ิ
้
็
่
ื
ู
ในอเมรกา ทรงรบราชการทหารเรออยไดเปนเวลา กลางสมุทร (บุญมี พันธุมนาวิน) ท่านได้เป็นผู้เรียบเรียง
ี
ื
๙ เดือน ๑๘ วัน รวบรวมประวัติของโรงเรียนนายเรือไว้เม่อป พ.ศ. ๒๔๙๘
พลเรือตร พระยาหาญกลางสมุทร (บุญม พันธุมนาวิน) เก็บอยู่ที่กองประวัติศาสตร์ทหารเรือ”)
ี
ี
ี
ิ
์
ี
ได้เขียนเล่าไว้ว่า นาวาเอก สวัสด จันทน ได้เขียนเล่าถึง “เสด็จเต่ย”
ั
“นับว่าเป็นคราวเคราะห์ของทหารเรือในขณะน้น ไว้ว่า คำาว่า “พวกนี้” พระองค์หมายถึงกรมหลวงสิงหฯ
์
่
็
เพราะเสนาบดกระทรวงทหารเรอเปนทหารบก ยอมไม ่ เพราะในกรมสององค แม้จะมีอาชีพทหารเรือด้วย
ี
ื
ี
ำ
เข้าใจดีในเรื่องเรือรบและเรือดำาน้าเป็นอย่างมาก พร้อม กันก็ไม่กินสีกัน เสด็จเต่ยทรงหาว่ากรมหลวงสิงหฯ
ู
์
ั
กันน้นเสนาธิการทหารเรือ (ฉายา “กัปตันตาฟาง”) ไมร้ยุทธศาสตร ยุทธวิธีทางเรือเอาเสียเลย เก่งแต่ขัด
ก็หย่อนในความสามารถในการรอบร้กิจการทหารเรือ ทองเหลือง เช้งวับ
ู
ำ
เป็นอย่างมากด้วย เลยพากันปฏิเสธความดาริของ (จากหนังสือ “นิทานชาวไร่” เล่ม ๙ หน้า ๗๘
พระองค์ท่าน เมอเชนนนพระองคทานกหมดหนทางท ่ ี โดย นาวาเอก สวัสดิ์ จันทนี)
็
้
ั
่
ื
่
์
่
จะเชิดชูทหารเรือให้เข้มแข็งได้ จึงทรงผละจากทหารเรือ พลเรือเอก ประพัฒน์ จันทวิรัช ได้เขียนไว้ว่า
่
ี
ื
ตามทิษฐิของเจ้านายผู้ทรงรักชาติ” “การท “รายงานเร่องเรือประเภท ส.”
ู
ื
“เร่องน้นับว่าทหารเรือได้เสียเจ้านายท่ทรงศกด ์ ิ ของพระองค์ต้องถูก “แช่เย็น” อยู่ในต้นิรภัยดังกล่าวมาแล้ว
ั
ี
ี
ำ
ี
้
์
ึ
่
ื
จากราชการไปพระองคหนง ย่อมจะทาใหทหารเรองงงน อาจทาให้พระองค์ทรงท้อพระทัยท่จะรับราชการทหารเรือ
ำ
ั
้
้
ู
ู
ในการก้าวหน้าไปได เพราะไม่มีผ้ทรงอิทธิพลอย่ในหม ู ่ ต่อไปก็เป็นได หากพระองค์ยังทรงรับราชการทหารเรือ
ทหารเรือ ท่จะช่วยโฆษณากิจการทหารเรือให้เป็นท่เข้าใจ ต่อไปแล้ว เชื่อว่าพระองค์คงจะสร้างสรรค์ความเจริญให้
ี
ี
และสนใจต่อเจ้านายชั้นสูงได้ ย่อมทำาให้การพูดถึงความ แก่ทหารเรือของชาติได้มาก”
์
ำ
สาคัญของทหารเรือหย่อนไป และเป็นการขาดประโยชน ์ (จากนิตยสารนาวิกศาสตร เดือนพฤศจิกายน
ำ
ื
ื
ี
ี
ท่จะได้เจ้านายองค์อ่นๆท่จะมารับราชการในทหารเรือ ๒๕๒๙ เร่อง “โครงการสร้างกาลังทางเรือของ สมเด็จ
้
ุ
ิ
ื
้
์
เพราะขาดเจ้านายชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้นำา คือรับราชการอยู่” เจาฟากรมขนสงขลานครนทร” โดย พลเรอเอก
(จากหนังสือ “อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ประพัฒน์ จันทวิรัช)
ั
้
่
์
้
พลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุทร (บุญมี พันธุมนาวิน) หมอมเจาประสงคสม บริพตร ในสมเด็จเจ้าฟา
ั
ั
่
เรอง “ประวต (สงเขป) ของโรงเรียนนายเรือ พ.ศ. ๒๔๔๑ กรมพระนครสวรรค์วรพินิตได้ทรงบันทึกไว้ว่า
ิ
ื
ิ
ื
็
ถึง ๒๔๗๕ “โดยพลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุทร)” “เม่อทูนกระหม่อมแดง (สมเดจพระราชบดา
“แต่เป็นคราวเคราะห์ของทหารเรือในขณะน้น เพราะ เจ้าฟ้ากรมหลวงสงขลานครินทร์) ทรงศึกษาวิชาทหารเรือ
ั
ั
ู
้
่
็
ื
ำ
ึ
้
่
เสนาบดีกระทรวงทหารเรือเป็นทหารบก และเป็นนักเรียน สาเรจเขามา ไดทรงรบราชการทหารเรออยคราวหนง
ั
เยอรมันเหมือนกัน (สมเด็จเจ้าฟ้า กรมขุนนครสวรรค์วรพินิต) ทูนหม่อมดีพระทัยเป็นอันมาก รับส่งว่า จะให้ทรง
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ 41

