Page 23 - ดำแล้วไม่โผล่
P. 23
ำ
ำ
กับสภาพท้องทะเลในน่านน้าของเราและถ้าจะให้ดีแล้ว วิธีการเรียน การฝึกรบ และ ฯลฯ ของเรือดำาน้าอังกฤษ
ู
ื
ี
ู
ำ
ก็ควรจะมีแบบละ ๒ ลำา รายละเอียดข้อมูลดังกล่าวเป็น ท่ผ้เขียนกาลังเล่าเรียนอย่ถวาย เม่อทรงฟังแล้วทรงกัด
ำ
แนวความคิดในการจัดหากาลังทางเรือตามแนวความคิด พระทนต์ว่า ทรงเสียดายทหารเรือมาก และเสียดายที่
ำ
ของข้าพเจ้า” ทหารเรือไทยไม่มีเรือดำาน้าเป็นอาวุธ”
ำ
ำ
ื
“การสร้างเร่องดาน้าในช่วงเวลาเดียวกัน ควรจะได ้ “การเช่นนี้ย่อมแสดงว่า พระองค์ยังมีพระทัยอาลัย
ำ
่
ปีละ ๒ ลำา ๒ แบบ” ทหารเรืออย แต่จาต้องฝืนพระทัยละมาเสีย เพราะเร่องไม ่
ื
ู
ำ
้
็
ั
ื
ื
“หากการสรางเรอรบของกองทพเรอสยามสาเรจ เข้าใจกันดีนั่นเอง นับว่าเป็นการที่ทหารเรือไทยได้พลาด
้
ี
่
่
ี
้
ั
ลุลวงตามโครงการดังกลาวน้แลว จะสามารถช่วยปองกัน โอกาสอันดยงไปอยางมาก มฉะน้นถ้าพระองค์ยงทรงอย ่ ู
ั
ิ
่
ิ
่
ำ
ำ
ปากแม่น้า และขัดขวางการปฏิบัติการยกพลขึ้นบกของ และตามพระทัย คือให้มีเรือดาน้าขึ้นแล้ว ทหารเรือไทย
ำ
ำ
ั
ข้าศึกตามชายฝั่งสยามได้อย่างเด็ดขาด” จะเก่งกล้ามานานแล้วทีเดียว เพราะเรือดาน้าเท่าน้นเป็น
ำ
ี
ำ
อาวุธอันร้ายกาจและดีย่งสาหรับประเทศเล็กท่มีทุนน้อย”
ิ
ำ
ปฐมนักเรือดำาน้าของไทย (จากหนังสือ “อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ
นายนาวาตร หลวงหาญสมุท(พลเรือตร พระยาหาญ พลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุทร (บุญมี พันธุมนาวิน)
ี
ี
กลางสมุทร-บุญม พันธุมนาวิน) เป็นนายทหารเรือไทยคน เรื่อง”ประวัติ (สังเขป) ของโรงเรียนนายเรือ พ.ศ.๒๔๔๑
ี
ำ
แรก ที่ได้ไปศึกษาวิชาการเรือดำาน้า และได้ปฏิบัติการใน ถึง ๒๔๗๕ โดยพลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุทร)
่
ื
เรือดำาน้าอย่างช่าชอง โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก เมอผมเขียนมาถงตรงน คงเปนการตอบคาถาม
ำ
ี
้
็
ำ
ำ
ึ
ู
ี
ี
่
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หัวรัชกาลท ๖ ทรง ของเพ่อนนายทหารหลายคนแล้ว ท่ได้ถามผมว่า
ื
์
้
ุ
พระกรณาโปรดเกลาฯ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วน “กรมขุนสงขลานครินทรทรงลาออกจากราชการ
ำ
ำ
พระองค์ให้ไปประจาการในกองเรือดาน้าแห่งราชนาว ี ทหารเรือเพราะอะไร”
ำ
อังกฤษ ในยามสงครามโลกครั้งที่ ๑ และศึกษาวิชาการ
ู
เรือดานำ้า ณ ประเทศอังกฤษ ต้งแต พ.ศ.๒๔๖๐ ถึง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หัว ทรงสน
ำ
่
ั
ำ
พ.ศ.๒๔๖๖ รวมเป็นเวลา ๖ ปี พระราชหฤทัยเรื่องเรือดำาน้า
ั
็
ู
ี
นายนาวาตร หลวงหาญสมุทจงเปน “ปฐมนก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หัว
ึ
ำ
ำ
เรือดาน้าของไทย” แต่ท่านไม่มีโอกาสใช้วิชาท่เรียน รัชกาลท ๖ ทรงสนพระราชหฤทัยเร่องเรือดานำ้ามาก
ี
ื
ำ
่
ี
ื
ื
มา เน่องจากท่านต้องออกจากประจาการไปต้งแต ่ ได้ทรงพระราชนิพนธ์ละครพูดเร่อง “ร.ต.ล.นนทรี”
ำ
ั
วันที่ ๑ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๕ เมื่ออายุได้ ๔๒ ปี ก่อนที่ (เรือใต้น้าหลวงนนทรี) ทรงใช้นามปากกาว่า
ำ
ประเทศไทยจะมีเรือดำาน้า “ศรีอยุธยา”ทรงพระราชนิพนธ์แปลงมาจากบท
ำ
ื
ี
ในระหว่างท นายนาวาตร หลวงหาญสมุท กาลังศึกษา ละครภาษาฝร่งเศสของ “อารทร มอเรอซ กับ ย เปราร์ด”
ำ
ั
ี
ี
์
่
วิชาเรือดำาน้าที่ประเทศอังกฤษอยู่นั้น ท่านได้เล่าไว้ว่า พระราชประสงค์ท่ทรงแปลงเร่องน้ข้นก็เพ่อส่งเสริม
ึ
ี
ื
ำ
ื
ี
ี
ี
ี
“ในขณะทผเขยน (นายนาวาตร หลวงหาญสมท) ความคิดริเร่มในกิจการเรือดานำ้า เป็นการปลุกใจให ้
ิ
ุ
ู
ำ
่
้
ำ
ไปเรียนวิชาเรือดาน้าท่ประเทศอังกฤษในระหว่าง คนไทยสนใจและกล้าหาญท่จะปฏิบัติงานในเรือดาน้า
ำ
ำ
ี
ี
ำ
ั
สงครามโลกครั้งที่ ๑ นั้น ได้เคยพบพระองค์ท่าน (กรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตีพิมพ์เผยแพร่เป็นคร้งแรก
ี
ขุนสงขลานครินทร์) ที่โรงอาหารจีนท่กรุงลอนดอน ในหนังสือ “สมุทสาร” ฉบับเดือน มิถุนายน พ.ศ.๒๔๕๙
ื
้
ุ
ู
ผ้เขียนได้เฝ้าถวายความคนเคยดังแต่ก่อน คือเม่อ พระองค์ทรงมีพระราชบันทึกหมายเหตุไว้ก่อน
่
พระองค์ยังไมออกจากทหารเรือ ผ้เขียนได้เล่าถวายถึง เนื้อเรื่องว่า
ู
44 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘

