Page 26 - ดำแล้วไม่โผล่
P. 26
ประกอบ เช่น เสนาธิการเป็นต้น ก็เป็นผู้หย่อนต่อความ
ู
สามารถจริงร้จริง จะมีอย่เพียงสมัยเดียว คือสมัยพลเรือเอก
ู
ิ
ั
กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักด์เท่าน้น แต่ก็เป็นวาสนาของ
ทหารเรืออีก ท่านก็ด่วนส้นพระชนม์ไปเสีย ทหารเรือ
ิ
ั
จึงลังเลเปะปะไปตามยถากรรม ในข้นสุดท้ายก็ถูกกดดันไว ้
ู
ำ
ตลอดมา เพราะผ้สามารถในปฏิภาณไหวพริบ ท่จะนา
ี
ำ
ทหารเรือให้เจริญตลอดไป ไม่ได้มาเป็นผ้นา แต่ก็เป็น
ู
ี
่
ู
ู
วาสนาอย่ทนายทหารผ้ใหญ เป็นผ้ทศึกษาฝึกหัดมาแต ่
ี
่
่
ู
คร้งในกรมหลวงชุมพรพระบุพพาจารย์เป็นหลักยืนมา
ั
การทหารเรือจึงได้คงทรงอยู่ แต่ก็ยากที่จะทำาให้เจริญได้
ทันสมัย”
(จากหนังสือ “อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ
พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุทร (บุญมี พันธุมนาวิน)
รัชกาลที่ ๖ เสด็จสวรรคต เรื่อง “ประวัติ (สังเขป) ของโรงเรียนนายเรือ พ.ศ.๒๔๔๑
ี
วันท ๒๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ พระบาทสมเด็จ ถึง ๒๔๗๕ โดยพลเรือตรี พระยาหาญกลางสมุทร)
่
พระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หัว
ู
ำ
เสด็จสวรรคต พลเรือตร พระยาหาญกลางสมุทร พระยาราชวังสันเสนอให้มีเรือดำาน้า
ี
่
ี
(บุญมี พันธุมนาวิน) ได้เขียนเล่าไว้ว่า ต่อมาในสมัยท พลเรือเอก กรมขุนสิงหวิกรม
ำ
ำ
ี
ึ
ี
“จึงเป็นท่น่าเสียดายอย่างหน่ง ท่พระบาทสมเด็จ เกรียงไกร ทรงดารงตาแหน่ง เสนาบดีกระทรวงทหาร
ี
้
ู
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอย่หัวมาด่วนสวรรคตเสียเช่นน เพราะ เรือ พระองค์ได้กราบบังคมทูลลาเสด็จประพาสยุโรป
ื
ั
พระองค์ท่านมีความสนพระราชหฤทัยในทางเรือเป็น เพ่อทอดพระเนตรการทหารนานาประเทศ และรกษา
อย่างย่ง และได้เคยไปศึกษา ณ ประเทศอังกฤษ พระองค ์ พระองค์ สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ทรง
ิ
่
ี
่
่
ี
ื
่
ำ
ึ
้
ั
ื
ั
จงทรงเขาพระทยเรองทหารเรอดวาสาคญตอประเทศทม ี “รักษาราชการแทน”เสนาบดีกระทรวงทหารเรือ พลเรือ
ฝั่งทะเลเป็นเขตแดนเพียงใด จึงทรงบำารุงทหารเรืออย่าง ตรี พระราชวังสัน (ศรี กมลนาวิน ต่อมาเป็นพลเรือโท)
ื
ื
่
่
ี
เรงรบ และยกยองทหารเรอจนขนเสมอบาไหลของทหารบก เสนาธิการทหารเรือได้ถวายรายงานเร่อง “บันทึกการจัด
ึ
่
้
่
แต่ไม่ทรงจะสามารถบังคับบัญชาทหารเรือได้โดยตรง กองทัพเรือสยาม” เมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๙
เพราะเป็นพระเจ้าแผ่นดิน จึงทรงต้งกรมราชนาวีเสือป่า กล่าวถึงยุทธศาสตร์ทางเรือว่า ได้แบ่งกองทัพเรือ
ั
ี
ส่งนักเรียนมาอาศัยเรียนท่โรงเรียนนายทหารเรือ และขอ ออกเป็น ๒ กอง คือ “กองเรือรักษาฝั่ง” กับ “กองเรือรุกรบ”
ื
ุ
้
ื
เรือไปฝึกนายทหาร,นักเรียน ตลอดจนพลราชนาวีเสือป่า กองเรอรกรบประกอบดวย เรอลาดตระเวน ๓,๐๐๐
ำ
ำ
ำ
ำ
ี
ู
ี
ั
ท่ทรงทาเช่นน้นก็เพราะอึดอัดพระทัยเจ้าหน้าท่ผ้ใหญ ่ ตัน จานวน ๒ ลา เรือพิฆาต ๓ ลา เรือตอร์ปิโดยนต ์
ำ
้
่
ื
ทางเรอ ทนาทหารเรอกาวหนาไปเชองชามาก เพราะ ๖ ลำา เรือดำาน้ารักษาฝั่ง ๓๐๐ - ๔๐๐ ตัน ๔ ลำา ฯลฯ
้
ื
ำ
ื
้
ี
่
ี
ำ
ำ
ตั้งแต่ไหนมาแล้ว ทหารเรือย่อมมีผู้นำา คือผู้บังคับบัญชา จะเห็นได้ว่าความคิดท่จะมีเรือดานำ้าเป็นกาลังรบ
ู
ิ
ั
ช้นสูงเป็นผ้ได้ผ่านการทหารบกมาแล้วเกือบท้งส้น ความ ของไทยนั้นได้มีมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๔๕๓ แต่ติดขัดด้วยงบ
ั
ำ
ำ
เข้าใจในการทหารเรือจึงมีน้อยมาก และถึงจะมีเจ้าหน้าท ่ ี ประมาณเป็นปัจจัยสาคัญ จึงไม่สามารถจัดหาเรือดานำ้า
ตามที่คิดไว้
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๘ เล่มที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๘ 47

