Page 111 - หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ม.ปลาย
P. 111

101



                                1. ในยามวิกฤต ตองคิดพึ่งตนเอง เทวดาจะชวยผูที่ชวยตัวเองเทานั้น
                                2. ความเพียรอันบริสุทธิ์ หมายถึง ตองพยายามอยางถึงที่สุด เพื่อที่จะกาวผานวกฤต
                                                                                                      ิ
                  สรางเศรษฐกิจจริงดวยงานหรือความเพียรอันบริสุทธ  ิ์
                                3. สรางเศรษฐกิจดวยการอนุรักษและเพิ่มพูนทรัพยากร

                                4. โมหภูมิและมหาวิชชาลัย หมายถึง มนุษยจะสามารถปฏิรูปการเรียนรูของมนุษย  
                  ตองหลุดพนจากอวิชชา เพื่อกาวไปสูการพัฒนาอยางแทจริง

                                5. ดานดนตรีและนาฏศิลป
                                ในสมัยรัตนโกสินทรตอนตนยังคงรับแบบอยางจากสมยอยธยา โดยรัชกาลท 1
                                                                                       ุ
                                                                                                        ี่
                                                                                   ั
                                                                                                    ํ
                  โปรดเกลาฯ ใหมีการฝกหัดโขนขึ้นทั้งในวังหลวงและวังหนา และใหประชุมครูละคร เพื่อจัดทาตํารา
                   
                                                                                     ั
                  ทารําขึ้นใหมแทนตําราที่สูญหายไปเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยา ตอมาในสมยรัชกาลท 2 งานฟนฟู
                                                                                               ี่
                             
                                                                                                 
                                                                
                                                                                                   
                           ี
                                                                           
                          
                  นาฏศิลปมความรุงเรืองมาก พระองคโปรดเกลาฯ ใหปรับปรุงแกไขบทละครและวธีรําใหมใหไพเราะ
                                                                                          ิ
                  และงดงาม นอกจากนี้ พระองคทรงมีพระปรีชาสามารถอยางยิ่งในการดนตรี โดยเฉพาะซอสามสาย
                  ครั้นถึงสมัยรัชกาลที่ 3 โปรดเกลาฯ ใหยกเลิกงานนาฏศิลปและดุริยางคศิลปในพระบรมมหาราชวัง
                  เปนผลใหศิลปนตองยายไปสังกัดกับขุนนางผูมีฐานะที่รับอุปถัมภงานศิลปะแขนงดังกลาว
                                1) ดนตรีไทย
                                การแสดงดนตรีไทยในสมัยรัตนโกสินทร ถือเปนยคสมัยของการกอสรางบานเมอง
                                                                                           
                                                                            ุ
                                                                                                        ื
                                                                                                   
                                                                         
                                                                                            ุ
                                                                                                     
                                                                       ั
                     ั่
                  ใหมนคงเปนปกแผน อีกทั้งยังมีการสงเสริมและฟนฟูศิลปวฒนธรรมของชาติในทกแขนงใหเจริญ
                                                                     ี
                  รุงเรือง โดยเฉพาะดนตรีไทยในสมัยรัตนโกสินทรไดมการเปลี่ยนแปลงไปตามลําดับชวงเวลา
                  ในรัชกาลตาง ๆ ดังนี้
                                                               ั
                                                                                                         ั
                                                                   ั
                                                                        ึ
                                  ั
                                สมยรัชกาลที่  1  ดนตรีไทยในสมยนี้ยงคงยดถือรูปแบบและลักษณะมาจากสมย
                                                                          
                                                                                           ี
                                                                                                         ั
                  กรุงศรีอยุธยา แตไดมีการเปลี่ยนแปลงเครื่องดนตรีในวงปพาทยและวงมโหรี โดยมการเพิ่มกลองทด
                                           
                  อีก 1 ลูก เขาไปในวงปพาทย สวนวงมโหรีก็ไดเพิ่มระนาดเขาไปอีก 1 ราง
                                                                             ี
                                             ี่
                                สมยรัชกาลท 2 เปนยคสมยที่การดนตรีไทยมความเจริญรุงเรืองอยางมาก
                                  ั
                                                      ุ
                                                                                                   
                                                          ั
                                                  
                  สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัยทรงสนพระทยในเรื่องดนตรีไทย อกทั้ง
                                                                                                      ี
                                                                                  ั
                                                                                              ั
                                                                                                        ี่
                                                         
                                                            ิ่
                                                    
                  พระองคยงทรงพระปรีชาสามารถเปนอยางยงในดานดนตรีไทย นอกจากนี้ในสมยรัชกาลท 2
                           ั
                                                                                 ั้
                  วงปพาทยไดนําไปใชบรรเลงประกอบการขับเสภาเปนครั้งแรก รวมทงไดมีการนําเอา “เปงมาง”
                                                                 
                  เขามาไวในวงปพาทย เพื่อตีประกอบจังหวะในการบรรเลงดนตรีขับเสภาวงมโหรีก็ไดเพิ่ม “ฆองวง”
                  เขาเปนเครื่องดนตรีภายในวงอีกชนิดหนึ่งดวย
                                สมยรัชกาลที่ 3  วงปพาทยไดเปลี่ยนไปเปน  “วงปพาทยเครื่องคู” เพราะมีผูคิด
                                  ั
                                                                       
                                                                                     
                                                         
                                                   
                                                                               
                                                                          
                                                              ี
                                                                                                      
                  ประดิษฐระนาดเพิ่มเขามาในวงอก 1  ราง ซึ่งมขนาดใหญกวาระนาดแบบเดิมและตีดวยไมนวม
                                                ี
   106   107   108   109   110   111   112   113   114   115   116