Page 114 - หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ม.ปลาย
P. 114

104



                  คณะนี้ลวนเปน โอรสเจานาย และลูกขุนนางมหาดเล็กในสมเด็จพระบรมโอรสาธราช ทงสิ้น
                                                                                                      ั้
                               
                                                                                               ิ
                                                                                          ั
                                                ั
                                                                             ุ
                                                                                         ู
                  ตางเขามาฝกหัดโขนดวยความสมครใจ พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกลาเจาอยหวทรงปรับปรุงบท
                                                                                                    
                  โขน และทรงควบคุมฝกซอมบางครั้งก็ทรงแสดงดวยพระองคเอง โขนสมัครเลนโรงนี้ มีชื่อเสียงวาแสดง
                                                                ี่
                  ไดดีและเคยแสดงในงานสําคัญ ๆ สมัยปลายรัชกาลท 5 หลายครั้ง
                                โขนยุคที่ 2
                                                                                                    ั
                                  ื่
                                                                                                
                                                                          ั
                                เมอพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยหว เสด็จขึ้นครองราชยสมบติแลว
                                                                         ู
                                                                                                     ั
                                                                                                 ี่
                  จึงโปรดใหตั้งกรมมหรสพขึ้น และปรับปรุงกรม กอง ตลอดจนการบริหารงานตาง ๆ เกยวกบการ
                                                                                
                                                                                           
                                           ํ
                                      ํ
                           
                  มหรสพใหดีขึ้น ทรงทานุบารุงสงเสริม ศิลปะ และฐานะของศิลปนใหเจริญกาวหนาถึงขีดสุด
                                                                                    
                                                   
                                                                                                 ็
                                               
                                                                   
                                                              ื
                                                                                                         
                  ทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์แกศิลปนโขนผูมีฝมอ แมแตเจาหนาทผูรักษาเครื่องโขนกโปรดใหม     ี
                                                                               ี่
                  บรรดาศักดิ์ดวย นอกจากนี้โปรดใหตั้งโรงเรียนฝกหัดศิลปะการแสดงโขนละคร ดนตรีปพาทยขึ้นใน
                  กรมมหรสพเรียกวา โรงเรียนพรานหลวง โขนยุคที่ 2 ของกรุงรัตนโกสินทร นับเปนยคทเจริญรุงเรือง
                                                                                         
                                                                                            ุ
                                                                                               ี่
                  ถึงขีดสุดทั้งศิลปะและฐานะของศิลปน
                                โขนยุคที่ 3
                                โขนยุคที่ 3 เปนยุคเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาสู
                  ระบอบประชาธิปไตย เริ่มตั้งแตเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยหว เสด็จสวรรคต โขนก    ็
                                                                                     ั
                                                                                    ู
                  ตกต่ําลงทันท รัชกาลที่ 7 โปรดใหยุบกรมมหรสพ เพราะทรงเห็นวา เปนการสิ้นเปลืองพระราชทรัพย 
                             ี
                  จํานวนมาก มีการดุลยภาพขาราชการออกจากราชการ รวมทงขาราชการกรมมหรสพดวย แตใน
                                                                         ั้
                  เวลาตอมา พระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว ก็โปรดใหขาราชการกรมมหรสพทมีความสามารถ
                                                                                            ี่
                                                                                       ั
                                                                                                 ี
                                                                ั
                  รวมกันแลวตั้งเปนกอง เรียกวา กองมหรสพ สังกดกระทรวงวัง มีการฝกหดโขนขึ้นอกครั้งหนึ่ง
                  โขนหลวง กระทรวงวัง สามารถออกโรงแสดงตอนรับแขกเมืองในงานสําคัญ ๆ หลายงาน
                                3) ละคร
                                ตั้งแตการสถาปนากรุงรัตนโกสินทรเปนราชธานีไทย เมื่อ พ.ศ. 2325 จนถึงปจจุบัน
                                                                                    
                  (พ.ศ. 2542) เปนเวลา 217 ป กวีไทยไดสรางสรรควรรณคดีทสมควรรักษาเปนมรดกไทยไวจํานวนมาก
                                                                                                
                                                                      ี่
                  ซึ่งเปนวรรณกรรมทั้งดานรอยแกว ไดแก สามกก โคลนติดลอ และ ดานรอยกรอง ไดแก บทละคร
                                                                                                 
                                              
                                                         ี่
                  เรื่องรามเกยรติ์ พระราชนิพนธในรัชกาลท 1 บทละครเรื่องอเหนา พระราชนิพนธในรัชกาลท 2
                            ี
                                                                                             
                                                                                                        ี่
                                                                          ิ
                  บทเสภาเรื่องขุนชางขุนแผน ลิลิตตะเลงพาย เปนตน
                                4) รําและระบํา
                                                                                                     ี
                                สมัยรัตนโกสินทร ระบํา และรํา มีความสําคัญตอราชพิธีตาง ๆ ในรูปแบบของพิธกรรม
                                                                                                      ี่
                                                                                          ี่
                  โดยถือปฏิบัติเปนกฎมณเฑียรบาลมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทรตอนตน (สมัยรัชกาลท 1 - รัชกาลท 4)
                                รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก โปรดรวบรวมตําราฟอนรํา และ
                  เขียนภาพทารําแมบทบันทึกไวเปนหลักฐาน มการพัฒนาโขนเปนรูปแบบละครใน มการปรับปรุง
                                                           ี
                                                                                              ี
   109   110   111   112   113   114   115   116   117   118   119