Page 63 - หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ประถม
P. 63
54
มังคละเภรี
ั
สันนิษฐานว่า มังคละเภรี คงเข้ามาเผยแพร่ในอาณาจักรสุโขทย สมัยพญาลิไท
(ประมาณ 600 ปีที่ผ่านมา) โดยมาพร้อมกับชาวศรีลังกา มังคละเภรี เป็นวงดนตรีทชาวศรีลังกา
ี่
ี่
ใช้ประโคมบ าเรอ พระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วของพระพุทธองค์ อันเป็นปูชนียวัตถุส าคัญทสุด
ของศรีลังกา
ดนตรีพื้นบ้านมังคละ เป็นการละเล่นพื้นบ้าน มาตั้งแต่ยุคสุโขทยเป็นราชธานี เป็น
ั
ดนตรีทสืบทอดทางพระพุทธศาสนาจากศรีลังกา เข้าสู่นครศรีธรรมราชและสุโขทย การละเล่น
ั
ี่
ี่
มังคละมีหลักฐานในศิลาจารึก หลักท 1 ว่า “เมื่อกรานกฐิน มีพนมเบี้ย มีพนมหมาก มีพนม
ดอกไม้... ไปสูดญัติกฐินเถิงอรัญญิกพู้น... เทาห้อลานด บงค กลอง ด้วยเสียงพาทย์ เสียงพิณ
้
เสียงเลื้อน เสียงขับ...”
ค าว่า “ด บงค กลอง” (อ่านว่า ด าบง ค ากลอง) เป็นค าโบราณทมีใช้ตั้งแต่สมัย
ี่
ั
สุโขทย แปลว่า เป็นการประโคม หรือตีกลองที่ขึงด้วยหนัง
ค าว่า “มังคละ” แปลว่า มงคล หรือสิ่งท ี่
เจริญก้าวหน้า
กลองมังคละจึงเป็นดนตรีทเป็นมงคล
ี่
เครื่องดนตรีมังคละประกอบด้วย กลองสองหน้า
จ านวน 2 ใบ กลองมังคละ (จ๊กโกร๊ด) 1 ใบ ฆ้องโหม่ง
จ านวน 3 ใบ ปี่ชวา 1 เลา ฉาบเล็ก 1 คู่ ฉาบใหญ่
(ที่มาภาพ : https://sites.google.com/site/ 1 คู่ และอาจจะมีกรับไม้อีก 1 คู่ ก็ได้
watkungtaphao/kitchakam/mungkala/ ปัจจุบัน มังคละ มักใช้แห่ในงานมงคล เช่น
sawangkabury) งานบวช ทอดกฐิน เป็นต้น “วงกลองมังคละ”
ถ้าใช้ในงานศพ เช่น ประโคมศพ แห่อัฐิธาตุ จะใช้เฉพาะปี่ กลองสองหน้า และฆ้อง เรียกว่า
“วงปี่กลอง”เป็นต้น
1.8 สถาปัตยกรรมและปฏิมากรรมสมัยสุโขทัย
ั
ี่
สุโขทยเป็นรัฐ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อประมาณตอนกลางพุทธศตวรรษท 18
ิ
โดยมีศูนย์กลางอยู่ทวัดพระพายหลวง ต่อมาในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทตย์ได้มีการย้ายเมืองมา
ี่
ตั้งอยู่บริเวณที่เป็นเมืองโบราณสุโขทัยที่รู้จักกันในปัจจุบัน โดยมีศูนย์กลางคือวัดมหาธาตุ

