Page 68 - sc 21001
P. 68
60
ในเซลล์ของแตละใบจะมีคลอโรพลาสต์มากน้อยแตกตางกันไปข นอยู่กับชนดของเซลล์และชนดของ
ิ
่
่
ิ
ึ
ุ
็
ี
ี
พืช คลอโรพลาสต์ ประกอบด้วยเยื อห้ม ชั น ภายในมีของเหลวเรยกว่า สโตรมา มีเอนไซม์ทจําเปน
สําหรบกระบวนการตรงคารบอนไดออกไซด์ในการสังเคราะห์ด้วยแสง นอกจากน ด้านในของคลอโรพ
ั
ี
ึ
์
่
ลาสต์ ยังมีเยื อไทลาคอยด์ สวนทพับทับซ้อนไปมาเรยกว่า กรานม และสวนทไม่ทับซ้อนกันอยู ่
่
ุ
ี
ี
ี
ี
่
เรยกว่าสโตรมาลาเมลลา สารสทั งหมดและคลอโรฟลล์จะอยูบนเยื อไทลาคอยด์ มีชองเรยก ลูเมน ซงมี
่
ิ
ึ
ี
ี
่
ของเหลวอยูภายใน
ี
นอกจากน ภายในคลอโรพลาสต์ยังมี DNA RNA และไรโบโซมอยู่ด้วย ทําให้คลอโรพลาสต์
สามารถจําลองตัวเองข ึนมาใหม่และผลิตเอนไซม์ไว้ใช้ในคลอโรพลาสต์ ในคลอโรพลาสต์เอง
มีลักษณะคล้ายกับไมโทคอนเดรย
ี
ั
ี
้
ํ
ั
็
1.4.2 ปจจัยที จําเปนสาหรบกระบวนการสงเคราะหดวยแสง ปจจัยทควบคมการสังเคราะห์ด้วย
ุ
ั
ั
์
ึ
ั
แสงสามารถแบงได้เปนปจจัยภายใน และปจจัย ภายนอกซงปจจัยภายในจะเกยวข้องกับผลของ
็
่
ั
ั
ี
็
ั
ี
ี
ุ
ั
พันธกรรมของพืช และปจจัยภายนอกเปนปจจัยทเกยวข้องกับสภาพแวดล้อม
ั
1. ปจจัยภายใน
้
1.1 โครงสรางของใบ
ู
่
การเข้าสใบของคารบอนไดออกไซด์จะยากงายไม่เทากัน ทั งน ข นอยู่กับขนาดและจํานวน
่
์
ึ
่
ี
่
ิ
ตลอดจนตําแหนงของปากใบ ซงอยู่แตกตางกันในพืชแตละชนด นอกจากนั นปรมาณของชองว่าง
ึ
่
ิ
่
่
ิ
่
ระหว่างเซลล์ซงเกดจากการเรยงตัวของเน อเยื อเมโซฟลล์ (Mesophyll) ของใบยังมีผลตอการ
ื
ิ
ี
ึ
แลกเปลี ยนคารบอนไดออกไซด์ด้วย ความหนาของชั นควตเคล เซลล์ผิว (Epidermis) และขนของใบ
ิ
ิ
ิ
์
่
ิ
์
จะมีผลในการทําให้คารบอนไดออกไซด์กระจายเข้าสใบได้ไม่เทากันเพราะถ้าหนาเกนไปแสงจะตก
ู
่
กระทบกับคลอโรพลาสต์ได้น้อยลง
1.2 อายุของใบ
ู
เมื อพิจารณาถึงใบแตละใบของพืช จะพบว่าใบอ่อนสามารถสังเคราะห์แสงได้สงจนถึงจดท ี
่
ุ
ใบแก แตหลังจากนั น การสังเคราะห์แสงจะลดลงเมื อใบแกและเสอมสภาพ ใบเหลืองจะไม่สามารถ
ื
่
่
่
ิ
สังเคราะห์แสงได้ เพราะไม่มีคลอโรฟลล์
์
1.3 การเคลื อนย้ายคารโบไฮเดรต
โดยทั วไปนํ าตาลซูโครสจะเคลื อนย้ายจาก Source ไปส Sink ดังนั นมักพบเสมอว่าเมื อเอา
ู
่
ี
ิ
ื
สวนหัว เมล็ด หรอผลทกําลังเจรญเตบโตออกไปจากต้นจะทําให้การสังเคราะห์แสงลดลงไป 2 - 3 วัน
่
ิ
เพราะว่านํ าตาลจากใบไม่สามารถเคลื อนย้ายได้ พืชทมีอัตราการสังเคราะห์แสงสง จะมีการเคลื อนย้าย
ี
ู
็
ี
็
นํ าตาลได้สงด้วย การทใบเปนโรคจะทําให้พืชสังเคราะห์แสงได้ลดลง เพราะว่าใบกลายสภาพเปน Sink
ู
มากกว่า Source แตใบทอยูใกล้กันแตไม่เปนโรคจะมีอัตราการสังเคราะห์แสงเพิ มข น อย่างไรก็ตามการ
ี
่
่
็
่
ึ

