Page 78 - 25. art 11003
P. 78
68
5. ราชวงศถัง เปนสมัยที่ศิลปวัฒนธรรมยุคศักดินาของจีนเจริญรุงเรืองอยางเต็มที่ มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นใน
สมัยนี้ไดแก
ี่
ี่
5.1 เปยนเหวินหรือสเจียง เปนนิยายทใชภาษางายๆมาเลาเปนนิทานทางศาสนาดวยภาพทเขาใจงาย
ู
หลังจากนั้นมีการขับรองและเจรจา
5.2 ฉวนฉี่ เปนนิยายประเภทความเรียง โครงเรื่องแปลก เรื่องราวซับซอน
ู
ี่
ี
ี้
ิ
5.3 เกออส เปนศลปะการแสดงทมบทรอง เจรจา แตงหนา แตงตัว อปกรณเสริมบนเวท ฉาก
ี
ุ
การบรรเลงเพลง คนพากย เปนตน
ั
ั
ู
ี้
ั
ั
ั
5.4 ซนจุนส เปนการผลดกันซกถามโตตอบสลบกันไปของตัวละคร 2 ตัว คือ “ซนจุน” และ “ชางถ”
โครงเรื่อง เปนแบบงายๆ มีดนกันสดๆ เอาการตลกเสียดสีเปนสําคัญ
ิ่
6. สมยราชวงศซง ศลปะวรรณคดีเจริญรุงเรืองมาก พรอมทงมสงตางๆเกิดขึ้นไดแก การแสดง
ี
ิ
ั้
ั
ดังตอไปนี้
6.1 ฮวาเปนหรือหนังสือบอกเลาเปนวรรณคดีพื้นเมืองที่เกิดขึ้น
6.2 หวาเสอ คือ ยานมหรสพที่เกิดขึ้นตามเมืองตางๆ
6.3 ซูฮุย คือ นักแตงบทละคร ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยนี้
6.4 ละคร “จาจิ้ว” ภาคเหนือหรืองิ้วเหนือ แบงออกเปน 2 ประเภท คือ ประเภทบทเจรจาเปนหลกและ
ั
ประเภทรองรําเปนหลัก ซึ่งก็คือ อุปรากร
6.5 ละครหลานลี้หรืองิ้วใต ประยุกตศิลปะขับรองกับเลานิทานพื้นบานเขาดวยกัน
ั
ี้
7. สมยราชวงศหยวน เปนสมยทละครหนานลเริ่มแพรหลาย และไดรับความนิยมจนละครจาจิ้ว
ั
ี่
ี้
ี้
ตองปรับรายการแสดงเปนหนานล ละครหนานลนับเปนวิวัฒนาการของการสรางรูปแบบการแสดงงวท
ี่
ิ้
เปนเอกลักษณของจีน ทั้งยังสงผลสะทอนใหแกงิ้วในสมัยหลังเปนอยางมาก
ื้
ั
การแสดงงิ้วในปจจุบัน งิ้วมีบทบาทในสงคมของจีนโดยทวไป โดยเฉพาะคนไทยเชอสายจีนอาศยอยู
ั่
ั
ทุกจังหวัด ประเภทของงิ้วที่แสดงในปจจุบันพอจะแบงออกเปนประเภทตางๆได เชน
1) จิงจวี้ หรือ ผิงจวี้ หรืองิ้วงัวกัง เปนงิ้วชั้นสูงเปนแมบทของงิ้วอื่นๆ
2) งิ้วแตจิ๋วหรือไปจื้อซี่ ผูแสดงมีทั้งเด็กและผูใหญ เปนที่นิยมที่สุดในปจจุบัน
3) งิ้วไหหลํา ใชบทพูดจีนไหหลํา การแสดงคลายงิ้วงัวกัง
4) งิ้วกวางตุง ใชบทเจรจาเปนจีนกวางตุง มักแสดงตามศาลเจา
ลักษณะของงิ้ว งิ้วที่คนไทยสวนใหญไดพบเห็นในปจจุบนเปนประจํานั้น มีลักษณะหลายอยาง ดังนี้
ั
1) มักนิยมแสดงตามหนาศาลเจาตางๆ ในงานเทศกาลของแตละทองถิ่นนั้นๆ ที่จัดขึ้นโดยคนจีน
2) แนวความคิดนั้นเปนการผสานความคิดของลัทธิเตาและแนวคําสอนของขงจื้อ
3) เนนเรื่องความสัมพันธในครอบครัวหนาที่ที่มีตอกัน
4) เนนเรื่องความสําคัญของสังคมที่มีเหนือบุคคล
5) ถือความสุขเปนรางวัลของชีวิต ความตายเปนการชําระลางบาป

