Page 12 - ข้อขัดแย้ง ล่าสุด
P. 12
“วิธีการระงับข้อพิพาท”
เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้น
สามารถที่จะยุติหรือระงับข้อ
พิ พ า ท ไ ด้ โดยใ ช้ วิ ธี ก า ร
ประนีประนอมยอมความ การ
อนุญาโตตุลาการ การฟ้องร้อง
คดีต่อศาล หรือการไกล่เกี่ย
ข้อพิพาท
1. การประนีประนอมยอมความ
คู่กรณีทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงทําสัญญา
ประนีประนอมยอมความ เพื่อระงับข้อพิพาทอันใดอัน
หนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อน
ทั้งนี้การประนีประนอมยอม
ผันให้แก่กัน มีผลผูกพันตามสัญญาใหม่ที่ทําขึ้นส่วนข้อ
ความแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
พิพาทเดิมเป็นอันระงับสิ้นไป
1) การประนีประนอมยอมความนอกศาล คือ การประนีประนอมยอมความเพื่อระงับข้อพิพาทที่
เกิดขึ้นแล้วและยังมีอยู่ โดยที่คู่กรณีมิได้นําข้อพิพาทไปฟ้องคดีต่อศาลหรือมีข้อพิพาทที่เป็นคดีอยู่ในศาล
เช่น ลูกหนี้ไม่มีเงินพอที่จะชําระหนี้ได้ภายในระยะเวลาที่ตกกันไว้และเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื่อ
ไวรัสโควิด – 19 ทําให้รายได้น้อยลง จึงสามารถที่จะมาตกลงกับเจ้าหนี้เพื่อที่จะทําสัญญาประนีประนอม
และลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือลายมือชื่อตัวแทนของอีกฝ่ายนั้นเป็นสําคัญ เพื่อเป็นหลักฐานใน
การฟ้องร้องบังคับคดี สัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวส่งผลให้ข้อพิพาทเดิมระงับไปและเกิด
สิทธิขึ้นใหม่ตามข้อตกลงในสัญญาประนีประนอมยอมความ หากคู่สัญญาบิดพลิ้วไม่ยอมปฏิบัติตาม
สัญญาที่ทําขึ้นใหม่ ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายก็สามารถนําสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวไป
ฟ้องร้องต่อศาลเพื่อให้ศาลบังคับให้อีกฝ่ายหนึ่งที่บิดพลิ้วปฏิบัติตามสัญญาได้
2) การประนีประนอมยอมความในศาล คือ เป็นกรณีที่มีข้อพิพาทเกิดขึ้นและได้นําคดีขึ้นฟ้อง
ร้องต่อศาล ซึ่งอยู่ในระหว่างที่ศาลกําลังพิจารณาคดีดังกล่าวอยู่ ซึ่งคู่กรณีพิพาทที่ได้ตกลงกันทํา
สัญญาประนีประนอมยอมความแล้วเสนอให้ศาลพิจารณาโดยไม่ต้องถอนคําฟ้อง และหากสัญญา
ประนีประนอมยอมความดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ศาลก็จะจดรายงานพิสดารแสดงข้อความ
ตกลงและพิพากษาให้เป็นไปตามที่ได้ยอมความกัน เรียกว่า “พิพากษาตามยอม” หากคู่กรณีพิพาทฝ่าย
ใดบิดพลิ้วไม่ยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ คู่กรณีพิพาทฝ่ายที่ได้รับความเสียหายมี
สิทธิยื่นคําร้องต่อศาลขอให้บังคับคู่กรณีพิพาทอีกฝ่ายที่บิดพลิ้วให้ปฏิบัติตามสัญญานั้นทันที โดยไม่ต้อง
นําคดีฟ้องร้องต่อศาลอีก

