Page 12 - บรรทัดฐาน(ทฤษฎี)
P. 12
สามารถจำแนกลักษณะของกฎหมายได้ 4 ประการ ดังนี้
1. กฎหมายต้องมีลักษณะเป็นเกณฑ์ (norm) นั้น กล่าวคือ กฎหมายต้องเป็นข้อ
บังคับที่ใช้วัดและใช้กำหนดความประพฤติของสมาชิกของสังคมได้ว่าถูกหรือผิด ให้
กระทำการได้หรือห้ามกระทำการ ในกรณีให้กระทำการ เช่น ผู้มีเงินได้พึงประเมินถึง
เกณฑ์ก็ต้องเสียภาษีเงินได้ให้แก่รัฐบาล หรือชายไทยที่มีอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์ต้องไป
รับหมายเลือกทหารกองเกิน ในกรณีที่ห้ามมิให้กระทำการ เช่น ห้ามบุกรุกเข้าไปใน
เคหะสถานของผู้อื่นหรือเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยไม่อนุญาต ซึ่งหากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ยอม
ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดไว้ถือเป็นสิ่งที่ผิดและจะต้องได้รับโทษ ดังนั้น สิ่งใดที่ไม่มี
ลักษณะเป็นกฎเกณฑ์ที่เป็นข้อบังคับความประพฤติของมนุษย์ในสังคม สิ่งนั้นก็ไม่ใช่
กฎหมาย เช่น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเชิญชวนคนไทยปลูกต้นไม้เนื่องในโอกาส
พิเศษ หรือคำเชิญชวนของนายกรัฐมนตรีที่ขอให้คนไทยช่วยกันประหยัดพลังเพื่อลด
ปัญหาโลกร้อน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ข้อกำหนดที่มีลักษณะบ่งบอกว่าสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก
จึงไม่ใช่กฎหมาย
2. กฎหมายต้องกำหนดความประพฤติของบุคคล ซึ่งคำว่าความประพฤติ
(behavior) ในที่นี้ได้แก่การเคลื่อนไหวหรือไม่เคลื่อนไหวร่างกายภายใต้การควบคุมของ
จิตใจ รวมไปถึงกระทำการหรืองดเว้นกระทำอย่างใดที่ต้องอาศัยร่างกายเคลื่อนไหว เช่น
นายมานะอยากให้นายวีระได้รับบาดเจ็บจึงใช้มีดฟันแขนของนายวีระโดยรู้อยู่ว่าการใช้
มีดฟันนายวีระเช่นนี้ จะทำให้นายวีระได้รับอันตรายแก่กายได้ เรียกการกระทำนี้ว่านาย
มานะมีเจตนาทำร้ายร่างกายของนายวีระการที่นายมานะเงื้อมมีดขึ้นฟันแขนของนาย
วีระเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายภายใต้การบังคับของจิตใจ แต่นายอัคนีนอนอยู่แล้วหลับ
ฝันละเมอเดินมาที่ห้องครัวหยิบมีดขึ้นไปที่ห้องนอนแล้วใช้มีดแทงนางฟ้าภริยาจนถึงแก่
ความตาย แม้นายอัคนีจะมีการเคลื่อนไหวร่างกาย แต่เป็นการเคลื่อนไหวนอกเหนือการ
ควบคุมของจิตใจ ฉะนั้น กรณีนี้กฎหมายจึงไม่เข้ามาควบคุมการเคลื่อนไหวเช่นนี้ เมื่อ
กฎหมายต้องกำหนดถึงความประพฤติของมนุษย์ ถ้าเป็นสัตว์กระทำให้มนุษย์เสียหาย
กฎหมายไม่ลงโทษสัตว์ แต่อาจลงโทษมนุษย์ผู้เป็นเจ้าของสัตว์นั้น เช่น ประมวล
กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 433 กรณีสัตว์ก่อให้เกิดความเสียหาย ผู้เป็นเจ้าของ
หรือผู้รับเลี้ยงรับรักษาไว้แทนเจ้าของต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เสียหาย

